ผมขอทำนายโดยเสนอ “โมเดล PANDEMIC New Normal” ความปกติใหม่ (New Normal) กับโรคระบาดแนว COVID จะเกิดขึ้นต่อนี้ไป

นับตั้งแต่ปลายปี 2019 เป็นต้นมา มีหลายสถานการณ์เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น การลอบสังหารนายพลอิหร่านโดยสหรัฐอเมริกา จนทำให้เกิดความหวั่นวิตกว่าจะกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 เครื่องบินยูเครนถูกยิงตกจากความผิดพลาดของกองทัพอิหร่าน วิกฤตควันไฟป่าในออสเตรเลียที่สร้างผลกระทบต่อสภาพอากาศทั่วโลก วิกฤตฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐานในหลายเมืองทั่วโลก ภูเขาไฟประทุในฟิลิปปินส์ แผ่นดินไหวในตุรกี

และปัญหาที่กลายเป็นวิกฤตระดับโลก คือ การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 ซึ่งตรวจพบเป็นครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ ประเทศจีน และองค์กรอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศให้ไวรัส COVID-19 เป็นภาวะการระบาดใหญ่ทั่วโลก (pandemic) ในวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา

 

หลังจากที่ผมได้จัดทำข้อเสนอแนะไปถึงท่านนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับมาตรการ จัดการกับวิกฤตไวรัส COVID-19 อย่างสะเด็ดน้ำ ไม่ใช่การดำเนินการแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ โดยในระดับจุลภาค ผมมองว่า หากรัฐบาลปิดประเทศเพียงบางส่วน หรือทยอยปิด (บางพื้นที่ บางประเภทธุรกิจ บางกิจกรรม ฯลฯ) จะแก้ปัญหาไม่จบ และได้ผลเพียงชั่วคราว เพราะเชื้อโรคยังสามารถแพร่กระจายในส่วนที่ยังไม่ถูกปิด และจะย้อนกลับมาระบาดอีก เมื่อเปิดทำการ

 

ส่วนในระดับมหภาค ผมเสนอให้มีความร่วมมือกับประเทศทั่วโลก ในการกำหนดวันและระยะเวลาปิดเมือง ปิดภูมิภาค ปิดประเทศต่าง ๆ อย่างพร้อมเพรียงกัน เพื่อจัดการคัดกรอง กักตัว แยกผู้ติดเชื้อและไม่ติดเชื้อออกจากกัน รวมถึงสกัดการแพร่เชื้อข้ามพื้นที่และการเกิดผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ เพราะหากแต่ละประเทศต่างคนต่างทำ จะไม่สามารถยับยั้งการแพร่กระจายเชื้อโรคนี้ได้ระยะเวลาอันสั้น และจะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจและสังคมโลกอย่างยืดเยื้อ

 

ถึงกระนั้น ผมคาดการณ์ว่า สถานการณ์ COVID-19 มีความเป็นไปได้ว่า จะคงอยู่ยาวนานอาจถึง 2 ปี เพราะนอกจากประเด็นการปิดพื้นที่ระดับจุลภาคและมหภาคดังที่ได้กล่าวไปแล้วนั้น ยังขึ้นอยู่กับความสามารถในการผลิตและนำวัคซีนมาใช้ ซึ่งต้องอาศัยเวลาในการศึกษาวิจัยและทดลองอย่างน้อย 18 เดือน หรือแม้ว่าเราสามารถจัดการภายในประเทศได้ดี แต่สถานการณ์ในประเทศอื่นทั่วโลกยังไม่ดีขึ้น เราก็ย่อมได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ทั้งด้านการท่องเที่ยว การผลิต การค้า รวมถึงด้านการลงทุนมากยิ่งกว่านั้น

 

ผมขอทำนายว่าโมเดล PANDEMIC New Normal จะกลายเป็นสิ่งปกติที่อยู่กับโลกมนุษย์ ผมมองว่าในอนาคตเราอาจจะต้องอยู่กับภัยพิบัติโรคระบาดเป็นระยะ ๆ ตลอดไป จนกลายเป็นความปกติใหม่ (new normal) ที่ทุกคนจะคุ้นเคยและเคยชิน เกิดเป็นพฤติกรรม ความสัมพันธ์ การดำเนินชีวิต และการทำงานในรูปแบบใหม่อย่างแน่นอน ทั้งนี้แม้ว่าเราสามารถจัดการกับ COVID-19 ได้ แต่เชื้อไวรัสก็อาจจะมีปรับตัว หรือกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ใหม่ได้เสมอ และไวรัสอื่น ๆ จากหลากแหล่งที่มักไม่อาจทราบแน่นอนมาจากที่ใดก็จะสร้างการระบาดทั่วโลกได้

 

New normal หรือ สถานการณ์ทั่วไปที่เกิดขึ้นในโลก ซึ่งแตกต่างจากสถานการณ์เดิมที่เกิดขึ้นในอดีต จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องในเชิงโครงสร้าง และจะกลายเป็นบริบทใหม่ของโลก หรือกล่าวได้ว่าเป็นความปกติในรูปแบบใหม่ คำนี้ถูกใช้อย่างแพร่หลายมาตั้งแต่ปี 2003 เพื่อพูดถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์การก่อการร้ายในเหตุการณ์ 911 ที่สหรัฐอเมริกา

 

ต่อมาในปี 2008 Bill Gross นักลงทุนในตราสารหนี้ชื่อดัง (bond guru) และผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Pacific Investment Management (PIMCO) ได้นำคำนี้มาใช้ในสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่ได้เป็นไปตามวัฏจักรเศรษฐกิจเดิม กล่าวคือ เกิดการปรับตัวของปัจจัยเชิงโครงสร้าง ที่สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของตัวแปรเชิงลึก หรือ “Deep Parameters” ในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งตัวแปรเชิงลึกเหล่านี้เปรียบเสมือนฟันเฟืองของ เครื่องจักร หรือสุขภาพของผู้คน ที่มักจะไม่เป็นที่ประจักษ์ และบ่อยครั้งอาจถูกมองข้ามไป ทว่าเป็นปัจจัยพื้นฐานที่อยู่เบื้องหลังของผลลัพธ์ต่าง ๆ ในวงกว้าง

 

และในปี 2020 นี้ ผมขอนำคำว่า new normal มาใช้ในสถานการณ์ไวรัส COVID-19 นี้อย่างเป็นทางการ ที่ทำให้พฤติกรรมการใช้ชีวิต การทำงาน ความสัมพันธ์เปลี่ยนแปลงไป และในอนาคตเราอาจต้องใช้คำว่า new normal เพิ่มเติมกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ภาวะสงครามมิติต่าง ๆ เช่น สงครามทางทหาร สงครามการค้า สงครามสื่อ สงครามมนุษยธรรม เป็นต้น จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและเห็นได้ชัดมากขึ้นทั่วโลก

 

สุดท้าย ผมขอฝากให้ทุกภาคส่วนโดยเฉพาะภาครัฐกิจและภาคธุรกิจต้อง ปรับตัวและเตรียม พร้อมต่อภาวะการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะกลายภาวะวิกฤตได้ เพราะสถานการณ์ในเวลานี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น และวิกฤตที่แท้จริงจะเกิดขึ้นเมื่อสถานการณ์ COVID-19 เริ่มดีขึ้นหรือผ่านพ้นไป นั่นคือ วิกฤตเศรษฐกิจยิ่งใหญ่ ที่จะตามมา

 

หากผู้นำไม่ว่าจะหน่วยงาน องค์กร หรือภาคส่วนใด ขาดภาวะการนำอย่างชัดเจนและถูกทิศ ขาดภาวะการบริหารจัดการอย่างบูรณการมีประสิทธิสภาพ และขาดภาวะคุณธรรมที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตนหรือพวกพ้อง องค์กร ภาพรวมนั้นจะเผชิญความเสียหาย เกิดปัญหาเรื้อรังหลายด้านที่อาจใช้เวลาฟื้นฟูนาน หรือไม่อาจฟื้นฟูได้ดีเท่าเดิม

ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ (ดร.แดน)
ประธาน สถาบันการสร้างชาติ
นักวิชาการอาวุโส มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

16/3/2020


My prediction “The PANDEMIC New Normal Model”:
New Normal and COVID-like Pandemic Will Continue to Occur

Since the end of 2019, there have been many serious situations around the world. These include the assassination of Iranian generals by the United States that have increased the fear of a possible coming World War 3; the Ukrainian airplane mistakenly shot down by the Iranian army; the Australian wildfire crisis that has affected the global climate; the PM 2.5 dust crisis, which has exceeded standards in many cities around the world; volcanic eruptions in the Philippines; an earthquake in Turkey and the Corona Virus 2019, or COVID-19, epidemic, a problem that has become a global crisis.

Today the COVID-19 virus has become a world pandemic. It was first detected in Wuhan City, Hubei Province, China. The virus spread rapidly until the World Health Organization (WHO) announced on January 31.

I have made the suggestion to the Prime Minister that measures to deal with the COVID-19 virus crisis should be comprehensive, not a half-actions. At the micro level, I think that the government lockdown in some parts of the country, or a gradual closure (some areas, certain types of businesses, some activities, etc.), will not solve the problem and work only temporarily because the virus can still spread in areas that have not been locked down. Then the epidemic will return.

At the macro level, I propose that all countries around the world should cooperate and work together to set dates and periods of locking down in unison to quarantine and isolate infected people from the non-infected people, including prevention of cross-infection and occurrence of new infections both domestically and internationally. If not, it will not be possible to stop the spread of the disease quickly, and it will damage the world economy and society for a long time.

Still, I estimate that it is possible for the COVID-19 situation to last for up to 2 years, due to the issue of micro and macro level lockdown as mentioned above. It also depends on our ability to create vaccines, which requires research and experimentation over a period of at least 18 months. Moreover, even though we can manage the situation within the country well, the situation in other countries around the world will also impact on global tourism, manufacturing, trade and investment.

According to my PANDEMIC New Normal Model, I predict that COVID type outbreaks will become a normal thing on the planet. In my opinion, we may have to live with periodic plagues and epidemics until it becomes a new normal, with which everyone will be familiar and get used to. Lifestyle, work and relationships are going to change in a new way.

Although we are able to deal with COVID-19, the virus may always adapt or mutate into a new strain, and other unknown viruses from various sources can also create global epidemics.

The “new normal” refers to a general situation occurring in the world that creates important differences from the situation as it was in the past. It results in structural changes that create a new world context, or to put it another way, things become normal in a new way. This term has been used extensively since 2003 to address issues related to terrorism in the 9/11 incident in the United States.

Later, in 2008, Bill Gross, a famous bond guru and co-founder of Pacific Investment Management (PIMCO), used this term to refer to an economy that does not follow the same economic cycle. Structural factors undergo an adjustment that reflects changes in “Deep Parameters” in the economy, which are like the gears in machines or people’s health. They are usually not obvious and may be overlooked, but they are a fundamental factor behind results.

Now, in 2020, I would like to officially apply the term “New Normal” to the COVID-19 virus situation, which has caused major changes in consumer behavior, lifestyle, work, and human relationships. In the future, the term “New Normal” can be used to describe the world situation like natural disasters, various types of war, such as military war, trade war, media war, humanitarian war, etc., and

Finally, I would like to urge all sectors, especially government and the business sector, to adjust and prepare for changes that may turn into crises, because the present situation is only the beginning. The real crisis will come when the COVID-19 situation becomes better – the great economic crisis.

If leaders, regardless of department, organization or sector, lack the “Tri-conditions”, that is: leadership condition, managerial condition and moral condition, countries, businesses and organizations will face many chronic problems from which recovery may take a long time, or recovery from which will not be as complete as before.

 

Best regards
(Prof. Dr. Kriengsak Chareonwongsak)
Chairman: Nation-Building Institute
16 Mar 2020

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *