การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวโดยใช้กลไกตลาด

เดลินิวส์

เมื่อไม่นานมานี้นิตยสารดิ อิโคโนมิสต์ (ฉบับวันที่ 26 มิถุนายน) มีบทความที่นำเสนอแนวคิดของแกรี่ เบ็คเกอร์ นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล ในการแก้ไขปัญหาการอพยพเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย


เมื่อไม่นานมานี้นิตยสารดิ อิโคโนมิสต์ (ฉบับวันที่ 26 มิถุนายน) มีบทความที่นำเสนอแนวคิดของแกรี่ เบ็คเกอร์ นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล ในการแก้ไขปัญหาการอพยพเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รวมทั้งความไม่เพียงพอของโควตาของวีซ่าสำหรับแรงงานต่างด้าวที่มีทักษะสูงในประเทศใหญ่อย่างสหรัฐฯ เบ็คเกอร์เชื่อว่าปัญหานี้เกิดขึ้น เนื่องจากการไม่มีกลไกราคาที่ทำหน้าที่จับคู่อุปสงค์และอุปทานของที่ผู้ต้องการอพยพย้ายถิ่นเข้ามาในสหรัฐฯ ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหานี้ เบ็คเกอร์จึงเสนอให้รัฐบาลใช้หลักการทางเศรษฐศาสตร์ในการจัดสรรวีซ่าให้ผู้ต้องการย้ายถิ่นฐานเข้าประเทศ โดยการขายสิทธิการอพยพเข้าประเทศในราคาที่ทำให้จำนวนผู้อพยพอยู่ในระดับที่รัฐปรารถนาหรือโดยใช้วิธีการประมูลวีซ่า

ณ ระดับราคาหนึ่ง ความสามารถในการอพยพย้ายถิ่นของผู้อพยพจะถูกจัดสรรไปยังผู้ที่ต้องการย้ายถิ่นมากที่สุด เบ็คเกอร์กล่าวว่าแม้ผู้ที่สามารถอพยพย้ายถิ่นได้สำเร็จนั้นอาจจะต้องจ่ายเงินค่าวีซ่าในราคาสูง แต่ที่สุดแล้วพวกเขายังได้ประโยชน์อยู่ดี ประเทศที่เปิดรับคนเหล่านี้ก็ได้ประโยชน์ด้วย โดยภาครัฐควรปรับราคาวีซ่าทุกปีเพื่อควบคุมจำนวนผู้อพยพที่จะเข้ามาในประเทศ ในขณะเดียวกันยังคงตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพของตลาดแรงงานได้อย่างดีด้วย ซึ่งรายได้จากค่าวีซ่านี้จะถูกนำไปใช้ในกิจกรรมหรือนโยบายด้านต่างๆ ที่คนซึ่งไม่เห็นด้วยกับการมีแรงงานย้ายถิ่นฐานเข้ามานั้นมีความกังวลอยู่ ทั้งนี้มีการประมาณกันว่าหากสหรัฐเก็บค่าวีซ่าคนละ 50,000 เหรียญสหรัฐ แก่คนที่่ย้ายเข้าสหรัฐอย่างถูกกฎหมายเท่ากับปีที่ผ่านมาประมาณ 1 ล้านคน รัฐจะมีรายได้เพิ่มขึ้นสูงถึง 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐเลยที่เดียว

สำหรับคนที่มีความสามารถสูงแต่ไม่มีความสามารถในการจ่ายนั้น เบ็คเกอร์เสนอให้คนเหล่านี้สามารถกู้ยืมจากภาครัฐได้ แต่อย่างไรก็ตามต้องระมัดระวังปัญหาการขาดดุลงบประมาณด้วย หรืออีกทางหนึ่งคือ นายจ้างอาจเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายค่าวีซ่าให้ก่อน แล้วให้แรงงานอพยพใช้คืนค่าวีซ่าจากค่าจ้างแรงงานของพวกเขา

อย่างไรก็ตาม วิธีการของเบ็คเกอร์นั้นอาจมีปัญหาบางประการ นักวิชาการบางท่านได้แสดงความเห็นว่า กลไกราคานั้นจะนำไปสู่การจัดสรรทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อประโยชน์ทั้งหมดจากสิ่งที่ถูกขายนั้น (ในกรณีนี้คือวีซ่า) ตกอยู่กับปัจเจกบุคคลที่ซื้อวีซ่า แต่กรณีการเข้ามาของผู้อพยพนั้นทำให้เกิดผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง ซึ่งในทางเศรษฐศาสตร์เรียกว่า ผลกระทบภายนอก ทำให้การตัดสินใจจะให้แรงงานอพยพเข้ามาประเทศหรือไม่บนพื้นฐานของความยินดีที่จ่ายของผู้อพยพนั้นอาจไม่ใช่วิธีการที่ดีที่สุด

หันมามองประเทศไทยเองก็มีปัญหาลักษณะเดียวกัน คือ แรงงานต่างด้าวยังคงทะยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่องเพื่อหาโอกาสทางเศรษฐกิจที่ดีกว่า การสร้างตลาดซื้อขายสิทธิการอพยพเข้ามาในประเทศไทยตามแนวคิดของเบ็คเกอร์นั้นจะช่วยแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวล้นเมืองได้หรือไม่ ผมคิดว่าไม่น่าจะทำได้ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีปัจจัยที่แตกต่างจากสหรัฐฯหลายปัจจัย เช่น ไทยเป็นประเทศเล็กและไม่ดึงดูดให้แรงงานทักษะสูงต้องการที่จะย้ายเข้ามามากเท่ากับสหรัฐฯ นอกจากนี้แรงงานที่ย้ายเข้ามาไทยส่วนใหญ่เป็นแรงงานพม่า ลาว กัมพูชา ซึ่งมีความสามารถในการจ่ายน้อยกว่าแรงงานที่ต้องการจะไปสหรัฐฯ เช่น แรงงานจากจีนและอินเดีย เป็นต้น อีกทั้งยังมี ตลาดมืด ที่ทำการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้ามายังไทยอย่างผิดกฎหมาย เป็นต้น ด้วยเหตุนี้การสร้างตลาดเพื่อซื้อขายสิทธิการอพยพจึงไม่น่าจะช่วยแก้ปัญหาของไทยได้

สำหรับประเทศไทยในการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวไม่ให้เพิ่มจำนวนมากขึ้นไปกว่านี้นั้นจำเป็นที่จะต้องสำรวจความต้องการแรงงานต่างด้าวทั้งระบบ ระบุให้ชัดเจนว่า ภาคอุตสาหกรรมใดจะใช้แรงงานในประเทศ และภาคอุตสาหกรรมใดจะอนุญาตให้ใช้แรงงานต่างด้าว นอกจากนี้อาจย้ายอุตสาหกรรม “แรงงาน” เข้มข้นอยู่ตะเข็บชายแดน เพื่อให้แรงงานไร้ทักษะชาวต่างชาติสามารถเดินทางเข้ามาทำงานแบบไป-กลับได้ ในการนี้ภาครัฐควรสนับสนุนให้เขตชายแดนเป็นเขตอุตสาหกรรมแรงงานราคาถูก และจัดมาตรการส่งเสริมการย้ายฐานการผลิตของอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้นไปยังชายแดนไทย โดยอนุญาตให้ใช้แรงงานต่างด้าวได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งควรสนับสนุนให้เอกชนไทยย้ายฐานการผลิตสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะช่วยสะกัดกั้นการไหลเข้าของแรงงานต่างด้าวในระยะยาว เพราะเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้เกิดการจ้างงานภายในประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น ซึ่งจะทำให้แรงงานต่างด้าวที่เดินทางมาขายแรงงานในประเทศไทยลดลงในระยะยาว ในขณะเดียวกันยังสามารถรักษาความอยู่รอดของภาคอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานไร้ฝีมือของไทยไว้ได้ด้วย

ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์
นักวิชาการอาวุโส ศูนย์ศึกษาธุรกิจและรัฐบาล มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
https://www.kriengsak.com,kriengsak@kriengsak.com