เศรษฐกิจอำพรางกับจุดเปลี่ยนประเทศกรีซ

คอลัมน์ : ดร.แดน มองต่างแดน

ในขณะที่คนจำนวนมากกำลังใจ จดใจจ่อกับอนาคตทางการเมืองของกรีซว่ารัฐบาลใหม่ที่จัดตั้งขึ้นหลังการเลือก ตั้งในวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา จะเป็นพรรคที่ยอมรับมาตรการรัดเข็มขัดที่ธนาคารกลางยุโรป ECB องค์กรการเงินระหว่างประเทศ IMF กำหนดหรือไม่ หรือจะเป็นอีกขั้วที่ต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัด แท้จริงแล้ว เรื่องราวที่คนกำลังพูดถึงเป็นเพียง เรื่องการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าทางเศรษฐกิจของกรีซ ว่า จะยืนยันเงื่อนไขเดิมหรือต้องการปรับแก้เงื่อนไขในการรับเงินช่วยเหลืองวด ที่สอง และปฏิกิริยาตอบสนองของประเทศสมาชิกในกลุ่มยูโรโซน IMF จะเป็นเช่นไร

?

เงินกู้งวดใหม่ของกรีซเปรียบ เสมือนมาตรการเยียวยาทางเศรษฐกิจเฉพาะหน้า ต่อลมหายใจต่อเวลาให้กรีซ ส่วนการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจให้กลับฟื้นคืนได้อย่างแท้จริงจะต้องแก้ไข ที่ปัญหารากฐาน หนึ่งในประเด็นที่ควรแก้ไข คือ เรื่องเศรษฐกิจอำพราง (Shadow Economy) มีผู้ประเมินว่าประเทศกรีซมีขนาดเศรษฐกิจอำพรางราวร้อยละ 25-27 ของขนาดเศรษฐกิจทั้งประเทศมากเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่ม OECD และกำลังเพิ่มมากขึ้น เศรษฐกิจอำพรางของกรีซสามารถแบ่งออกเป็นสองหมวดใหญ่ๆ คือ หมวดธุรกิจผิดกฎหมาย โดยเฉพาะธุรกิจใต้ดิน กับหมวดเลี่ยงภาษีทั้งจากเจ้าของธุรกิจและจากประชาชนทั่วไป มีข้อมูลชี้ว่าประชาชนจำนวนมากเอือมระอากับการเสียภาษี เพราะเชื่อว่าเงินที่ตนต้องจ่ายเป็นภาษีนั้นจะถูกคอร์รัปชันด้วยระบบกลไกของ รัฐ หรือสูญเงินไปกับโครงการที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ ชาวกรีซอีกส่วนหนึ่งเห็นว่าการหนีภาษีเป็นเรื่องปกติหนำซ้ำบางคนยังคุยโม้ โอ้อวดกับเพื่อนๆ ว่า เขาหนีภาษีได้อย่างไร หรือเขาจ่ายใต้โต๊ะให้กับเจ้าหน้าที่เก็บภาษีอย่างไร ผลคือผู้เสียภาษีตามกฎหมายกลายเป็นพวกที่ต้องแบกรับภาระรายจ่ายของประเทศ เกิดความรู้สึกว่าพวกตนที่ทำถูกกฎหมายหรือเลี่ยงกฎหมายไม่ได้เป็นฝ่ายเสีย เปรียบ

ซึ่งการเพิ่มภาษีจะยิ่งกระตุ้นให้คนเลี่ยงภาษีมากขึ้น ตรงกันข้าม หากรัฐสามารถจัดเก็บภาษีได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย รัฐบาลจะมีรายได้เพิ่มมากขึ้น สามารถผ่อนคลายการมาตรการรัฐเข็มขัดได้โดยปริยาย ระบบกฎหมายที่ล้าสมัยเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้รัฐขาดประสิทธิภาพในการ จัดการเศรษฐกิจอำพราง คาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะออกกฎหมายต่างๆ เหล่านี้ เป็นงานเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องรีบดำเนินการ หากรัฐบาลกรีซสามารถจัดการกับปัญหาเศรษฐกิจอำพรางของตน ไม่เพียงแต่รัฐจะมีรายได้เพิ่ม ยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่บรรดาเจ้าหนี้ว่าประเทศกรีซมีความพยายามที่จะ ชำระหนี้ของตน ทำให้เจ้าหนี้มีใจอยากจะช่วยลูกหนี้มากขึ้น ปัญหาอาชญากรรมภายในประเทศจะลดลง และเห็นได้ชัดว่าประชาชนกรีซกำลังร่วมเป็นใจเดียวกับรัฐบาล สังคมกำลังไปสู่ทิศทางที่เจริญมั่งคั่งอย่างยั่งยืน วิกฤติหนี้กรีซสร้างความยากลำบากแก่ประชาชนแสนสาหัส ระบบเศรษฐกิจ สังคม การเมืองปั่นป่วน แต่ถ้าคิดในมุมบวกเวลานี้เป็นโอกาสอันดีที่คนทั้งชาติจะหันหน้าเข้าหากัน พูดถึงรากแห่งปัญหาอย่างจริงจัง ถกแถลงหาทางออกร่วมกัน เสริมสร้างต้นทุนทางสังคม นำประเทศสู่ความเจริญที่ยั่งยืน

ณ เวลานี้ จึงเป็นเวลา เป็นจุดเปลี่ยน ที่ประเทศกรีซจะสร้างตำนานความยิ่งใหญ่ดัง เช่น อารยธรรมกรีกโบราณที่เคยรุ่งเรือง เป็นหนึ่งในอารยธรรมต้นแบบของชาติตะวันตกในปัจจุบัน

ประเทศกรีซมีขนาดเศรษฐกิจอาพรางราวร้อยละ 25-27 ‘ของขนาดเศรษฐกิจทั้งประเทศมากเป็นอันดับหนึ่งของ กลุ่ม OECD และกาลังเพิ่มมากขึ้น

 

ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์
นักวิชาการอาวุโส มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
kriengsak@kriengsak.com, https://www.kriengsak.com