ฮาร์วาร์ดเชิญผู้เชี่ยวชาญฉายภาพมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งอนาคต

          ที่ผ่านมา อธิการบดี ดรูว์ กิลพิน เฟาสต์ (Drew Gilpin Faust) ได้เป็นเจ้าภาพเชิญอธิการบดี คณบดี สถาปนิก ผู้บริหารงานวิชาการ และนักศึกษา จากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ มาร่วมแสดงทรรศนะเกี่ยวกับ “การสร้างมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งศตวรรษที่ 21” (Building the Research University of the 21st Century)1 ร่วมกัน อาทิ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เดวิส (University of California, Davis) มหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์ (University of Massachusett) มหาวิทยาลัยยูทาห์ (University of Utah) วิทยาลัยกฎหมายแห่งฮาร์วาร์ด (Harvard Law School) คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์แห่งฮาร์วาร์ด (Harvard Faculty of Arts and Sciences) วิทยาลัยเคนเนดี้สคูลแห่งฮาร์วาร์ด (Harvard Kennedy School) เป็นต้น โดยผู้เข้าร่วมการประชุมได้แสดงทรรศนะที่มีต่อประเด็นดังกล่าวหลากหลายแง่มุม

          การประชุมครั้งนี้จัดให้มีขึ้นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ 2 วันคือ ระหว่างวันที่ 22-23 ตุลาคม 2558 ที่ผ่านมา โดยให้น้ำหนักความสำคัญกับสภาพกายภาพของวิทยาเขตมหาวิทยาลัยในยุคการเรียนรู้ทางไกลในโลกดิจิตอล ซึ่งบรรยากาศภายในงานได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก มีผู้เข้าร่วมการประชุมมากกว่า 220 คน โดยที่ผู้เข้าร่วมการประชุมแต่ละคนมีโอกาสรับฟังทรรศนะอันเฉียบคมของผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาความรู้ อาทิ 

          เดวิด เจ สคอร์ตัน (David J. Skorton) ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการ สถาบันสมิธโซเนียน (Smithsonian Institution) และอดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยคอร์แนล (Cornell University) แสดงทรรศนะที่น่าสนใจเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยแห่งอนาคต โดยมองว่า 3 สิ่งที่จะมีอิทธิพลต่อการก่อรูปวิทยาเขตมหาวิทยาลัยในอนาคตก็คือ การให้ความสำคัญกับการศึกษาทางด้าน STEM (สาขาวิชาทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์) ในปัจจุบัน อนาคตการศึกษาออนไลน์ และการศึกษาบนฐานสมรรถนะ 

          ขณะที่ อลัน การ์เบอร์ (Alan Garber) ผู้บริหารฝ่ายวางแผนวิทยาเขตออลสตันของฮาร์วาร์ด แสดงทรรศนะอย่างเฉียบคมถึง สิ่งที่วิทยาเขตออลสตันทำว่าจะมีทุกสิ่งที่ทำร่วมกับสิ่งที่ใกล้เคียงกับฮาร์วาร์ดในอีก 50 ปี 100 ปี 150 ปีข้างหน้า 

          ด้าน ริชาร์ด ซี เลวิน (Richard C. Levin) อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเยล แสดงทรรศนะเน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีวิสัยทัศน์ เปรียบเช่นเดียวกับการที่เราไม่ควรว่าจ้างสถาปนิกจนกว่าจะรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่เราต้องการ และที่สำคัญคือ ต้องมีผู้ตัดสินใจคนเดียว เรามอบหมายงานให้คณะกรรมการมากเกินไป 

          ขณะที่ผู้แสดงความคิดเห็นจำนวนมากเน้นย้ำความสำคัญว่า อนาคตวิทยาเขตมหาวิทยาลัยจะขึ้นอยู่กับการมีวิสัยทัศน์ของสถาบันการศึกษาและผู้ทำหน้าที่ตัดสินใจที่จะต้องตัดสินใจเลือกทางเลือกที่จำเป็นต่อการขับเคลื่อนแผนงานอันมีความสลับซับซ้อนจำนวนมากให้เคลื่อนไปข้างหน้า 
การประชุมฉายภาพมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งอนาคตที่จัดโดยฮาร์วาร์ดครั้งนี้เป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่มีคุณูปการต่อแวดวงการจัดการศึกษาของมหาวิทยาลัยทั่วโลกไม่เฉพาะแต่มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น โดยในที่นี้มีประเด็นที่น่าสนใจที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อมหาวิทยาลัยไทยในการศึกษาเรียนรู้ ดังนี้

          สะท้อนความมีวิสัยทัศน์ของผู้บริหารมหาวิทยาลัย ที่มิเพียงมีมุมมองพัฒนามหาวิทยาลัยเพื่อวันนี้ แต่มีวิสัยทัศน์มองไกลไปถึงอนาคต มีการคาดการณ์ล่วงหน้า พร้อมทั้งคิดวางแผนเตรียมพร้อมเอาชนะความท้าทายที่มหาวิทยาลัยวิจัยจะต้องเผชิญในอนาคต  

          ปฏิสัมพันธ์ความคิดกับผู้เชี่ยวชาญหลากหลาย กระตุ้นให้เกิดการต่อยอดก่ายกันขึ้นทางด้านวิชาการองค์ความรู้ บูรณาการความเชี่ยวชาญมองรอบด้านมองภาพรวมเชื่อมโยงให้ได้ภาพอนาคตที่มีความครบถ้วนสมบูรณ์ทุกแง่ทุกมุมมากที่สุดเท่าที่จะสามารถเป็นไปได้ ทั้งในมุมมองของผู้บริหารมหาวิทยาลัย สถาปนิกผู้ออกแบบอาคารสถานที่ ผู้บริหารงานวิชาการ และผู้รับบริการที่เป็นนักศึกษา 

ประยุกต์สู่มหาวิทยาลัยไทย 

          ในเรื่องดังกล่าวนี้ ผมเคยนำเสนอโมเดลการพัฒนาเทคกี้ – ฟัซซี้ 5 ยุค (Techie – Fuzzie Five Stage Development model)2 ว่าประกอบด้วย ยุคที่หนึ่ง: การคัดลอก คือ การคัดลอกอย่างเดียว อาทิ ญี่ปุ่นและจีนในยุคหนึ่ง ยุคที่สอง: การคัดลอกและพัฒนา คือ การคัดลอกแล้วนำไปพัฒนาต่อยอด อาทิ จีนในยุคสมัยต่อมา ส่งคนไปเรียนรู้วิทยาการซีกโลกตะวันตกแล้วนำมาพัฒนาต่อยอด ยุคที่สาม: การวิจัย คือ การทำวิจัยผลิตองค์ความรู้ อาทิ ประเทศตะวันตกและประเทศเจริญใหม่ก็เน้นมาก ยุคที่สี่: การวิจัยและพัฒนา คือ การทำวิจัยที่เป็นฐานนำสู่การสร้างผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยี สังเกตได้จากมีศูนย์วิจัยและพัฒนาตามมหาวิทยาลัยและบริษัทต่าง ๆ และ ยุคที่ห้า: การวิจัยและนวัตกรรม คือ การทำวิจัยที่เป็นฐานนำสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรม สิ่งใหม่ ดังเสนอในโมเดลนวัตกรรม 3I ที่ผมสร้างขึ้น อันประกอบด้วย นวัตกรรมความคิด (ideation innovation) นวัตกรรมสิ่งปฏิบัติ (implementation innovation) และนวัตกรรมผลกระทบ (impact innovation)3 

          ปัจจุบันประเทศไทยเรายังคงผสมผสานกันระหว่างยุคที่หนึ่ง ยุคที่สอง และยุคที่สามบางระดับแต่ยังไม่ก้าวเข้าสู่ยุคที่สี่ หรือ ยุคการวิจัยและพัฒนาที่แท้จริง เห็นได้จากที่ผ่านมา เรามีการลงทุนทางด้านการวิจัยและพัฒนาไม่ถึงร้อยละ 1 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ขณะที่จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ลงทุนจัดสรรงบประมาณจำนวนมหาศาลเพื่อขับเคลื่อนการวิจัยและการพัฒนา ภายในประเทศและมีแผนจะลงทุนเพิ่มมากขึ้นอีกในอนาคต 

          ดังนั้น หากเราต้องการพัฒนาประเทศให้อยู่หัวขบวน การให้ความสำคัญกับการทำวิจัยและพัฒนาไม่เพียงพอ เราต้องมีวิสัยทัศน์4 ขับเคลื่อนอย่างก้าวกระโดดไปสู่การทำวิจัยและนวัตกรรม โดยมหาวิทยาลัยในฐานะองค์กรแห่งความรู้และองค์กรวิจัยต้องปรับบทบาทของตนเองไปสู่การเป็นมหาวิทยาลัยนวัตกรรม ที่ให้ความสำคัญกับการทำวิจัยสร้างสรรค์นวัตกรรมทั้ง 3 ระดับด้วยโมเดล 3I ดังที่กล่าวมา อันจะมีส่วนสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนและนำพาประเทศให้สามารถขี่ยอดคลื่นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้


1B. D. Colen.  Experts share ideas on the future university. [Online]. accessed November 21, 2015, available from http://news.harvard.edu/gazette/story/2015/10/shaping-the-future-university/
2“โมเดลการพัฒนาเทคกี้ – ฟัซซี้ 5 ยุค” นำเสนอเป็นแนวคิดการพัฒนา 5 ยุค นำเสนอใน การบรรยายเชิงวิชาการหัวข้อ บทบาทและความท้าทายของการจัดการศึกษาสาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ในประชาคมอาเซียน จัดโดย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยข่อนแก่น วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2557
3“โมเดลนวัตกรรม 3I” ของผมกล่าวถึง แนวคิดนวัตกรรม 3 ระดับ นำเสนออย่างเป็นทางการครั้งแรกในการปาฐกถานำเรื่อง “การศึกษาคือนวัตกรรม” ในการประชุมงานวิจัยมหาวิทยาลัย จัดโดย ฝ่ายวิชาการ สถาบันวิจัย มหาวิทยาลัยรังสิต ณ ห้อง Auditorium ชั้น 2 อาคาร 15วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2556
4ผมเคยนำเสนอนิยามของคำว่า “วิสัยทัศน์” เอาไว้ในหนังสือ มองฝันวันข้างหน้า วิสัยทัศน์ประเทศไทย ปี 2560 ว่าหมายถึง ภาพชัดเจนที่มองอนาคต สะท้อนความปรารถนา ความใฝ่ฝัน และความตั้งใจที่จะไปให้ถึงภาพนั้นด้วยความเชื่อมั่นว่าจะสามารถไปถึงได้ นำเสนอใน เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์. มองฝันวันข้างหน้า วิสัยทัศน์ประเทศไทย ปี 2560. (กรุงเทพฯ : ซัคเซส มีเดีย, 2541), หน้า 65.
 

 

ที่มา: สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์
คอลัมน์ : สะท้อนคิดจากฮาร์วาร์ด
ปีที่ 63 ฉบับที่ 12 วันที่ ศุกร์ 4 – พฤหัสบดี 10 ธันวาคม 2558


ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์
นักวิชาการอาวุโส มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
ประธานสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา (IFD)
kriengsak@kriengsak.com, https://www.kriengsak.com
แหล่งที่มาของภาพ : http://www.german-u15.de/en/mitglieder/bilder/bild_gaugoettingen/gaugoettingen.jpg?width=930

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *