ฮาร์วาร์ดเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกที่เป็นผู้นำทางวิชาการและการปฏิบัติด้านการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคมทุกระดับ ตั้งแต่ระดับองค์กร ชุมชน สังคม ประเทศชาติ จนถึงระดับโลก บนพื้นฐานจุดแกร่งการเป็นองค์กรแห่งความรู้และองค์กรวิจัยของตนเอง โดยการบูรณาการประเด็นปัญหาสังคมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมการเรียนรู้ทุกระดับ ทั้งกิจกรรมการเรียนการสอนในชั้นเรียนและกิจกรรมนอกหลักสูตรที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเปิดโอกาสให้นักศึกษา คณาจารย์ และบุคลากรมหาวิทยาลัยเลือกเข้าร่วมตามความถนัดและความสนใจ ในจำนวนนี้หลายกิจกรรมมีการเชื่อมโยงสู่การปฏิบัติจริง สร้างผลกระทบให้เกิดขึ้นทั้งในระดับการปฏิบัติและนโยบายการพัฒนาประเทศ
ตัวอย่างกิจกรรมที่น่าสนใจในที่นี้ อาทิ การประชุมสัมมนาทางด้านวิทยาศาสตร์ความยั่งยืน (Sustainability Science Symposium) ที่จัดให้มีขึ้นอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2016 ที่ผ่านมา อันเป็นกิจกรรมภายใต้การกำกับดูแลของโปรแกรมวิทยาศาสตร์ความยั่งยืน (Sustainability Science Program) วิทยาลัยเคนเนดี้สคูลแห่งฮาร์วาร์ด (Harvard Kennedy School) เป้าหมายมุ่งเสริมสร้างความเข้าใจด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับโลก ด้วยการเป็นสะพานเชื่อมการวิจัยทางวิชาการแบบข้ามศาสตร์สาขาวิชากับการปฏิบัติในโลกจริงและการออกแบบนโยบาย
ผมเห็นว่า การประชุมสัมมนาทางด้านวิทยาศาสตร์ความยั่งยืนที่จัดโดยโปรแกรมวิทยาศาสตร์ความยั่งยืน วิทยาลัยเคนเนดี้สคูลแห่งฮาร์วาร์ดดังกล่าวนี้สะท้อนการเป็นผู้นำทางวิชาการและการปฏิบัติด้านความยั่งยืนของฮาร์วาร์ด สร้างให้เกิดบรรยากาศและประสบการณ์การเรียนรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาคมมหาวิทยาลัย ดังนี้
สร้างบรรยากาศปะทะสังสรรค์ทางความคิดส่งเสริมการเรียนรู้ด้านความยั่งยืน ด้วยการเปิดโอกาสให้กลุ่มบุคคลที่มีพื้นภูมิหลังทางด้านความรู้และประสบการณ์แตกต่างหลากหลายเข้าร่วม ส่งเสริมให้บรรยากาศปะทะสังสรรค์ความคิดระหว่างกันมีคุณภาพ สะท้อนให้เห็นแง่มุมหลากหลายด้านความยั่งยืน ทำให้เกิดการต่อยอดก่ายกันขึ้นทางด้านวิชาการความรู้ ขยายปริมณฑลความรู้ด้านความยั่งยืนให้มีความกว้างขวางและลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาโปรแกรมวิทยาศาสตร์ความยั่งยืนช่วยเพิ่มเติมประสบการณ์การเรียนรู้ทางด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนให้แก่คณาจารย์และนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาของฮาร์วาร์ด รวมถึงเป็นเจ้าภาพต้อนรับการมาเยี่ยมเยียนของนักศึกษาระดับปริญญาโท ปริญญาเอก และหลังปริญญาเอก กว่า 135 คน และองค์กรภาครัฐและองค์กรที่ไม่ใช่ภาครัฐจาก 30 ประเทศทั่วโลก มีส่วนสนับสนุนให้เกิดการริเริ่มโครงการวิจัยกว่า 10 โครงการ สนับสนุนเงินทุนทำวิจัยให้แก่คณาจารย์ 22 คนจาก 5 วิทยาลัยของฮาร์วาร์ด และมีการตีพิมพ์หนังสือ บทความ และรายงานวิจัย มากกว่า 400 เรื่อง สำหรับครั้งนี้เป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีของโปรแกรมดังกล่าว พร้อมกับจัดให้มีการประชุมสัมมนาเชิงวิจัยพบปะพูดคุยแสวงหาทางออกของปัญหาทางด้านความยั่งยืนร่วมกัน2
ส่งเสริมการบูรณาการข้ามศาสตร์สาขาวิชาพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้ด้านความยั่งยืน ด้วยการเปิดกว้างให้กลุ่มบุคคลจากหลากหลายสาขาวิชาเข้าร่วม ส่งเสริมให้เกิดการทะลายกำแพงหรือเส้นแบ่งความรู้ เกิดการบูรณาการประสานข้ามศาสตร์สาขาวิชาต่าง ๆ มากขึ้น ด้วยว่าการแสวงหาทางออกทางด้านความยั่งยืนต้องอาศัยองค์ความรู้จากหลากหลายศาสตร์ การใช้ศาสตร์สาขาวิชาใดสาขาวิชาหนึ่งไม่เพียงพอที่จะพาไปจนถึงสุดขอบปริมณฑลความรู้ โดยการประชุมสัมมนาครั้งนี้เปิดกว้างให้ประชาคมมหาวิทยาลัยและผู้เชี่ยวชาญจากสาขาวิชาต่าง ๆ เข้าร่วม
เป็นบริบทเชื่อมโยงต่อยอดการเรียนรู้ระหว่างทฤษฏีและการปฏิบัติด้านความยั่งยืน การเข้ามามีส่วนร่วมระหว่างกลุ่มบุคคลทางด้านวิชาการและผู้ปฏิบัติ เป็นบริบทสำคัญที่จะทำให้เกิดการเชื่อมโยงต่อยอดการเรียนรู้ระหว่างทฤษฏีและการปฏิบัติ เป็นสะพานเชื่อมนำสู่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน เป็นโอกาสให้บุคลากรทางด้านวิชาการสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลปฐมภูมิโดยตรง ขณะที่ผู้ปฏิบัติเข้าถึงองค์ความรู้ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานทางด้านความยั่งยืนของตนเอง สำหรับการประชุมสัมมนาครั้งนี้มีผู้ปฏิบัติหลากหลายเข้าร่วม มีการนำเสนอกรณีศึกษาจากทั่วโลก อาทิ ประเทศเคนยา ประเทศเวียดนาม ประเทศอินเดีย ประเทศบราซิล โดยมีประเด็นการนำเสนอครอบคลุมประเด็นสำคัญหลากหลาย
ประยุกต์สู่มหาวิทยาลัยไทย
มหาวิทยาลัยควรมีส่วนสนับสนุนให้ประเทศเกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนครอบคลุมครบถ้วนทุกมิติบนพื้นฐานจุดแกร่งการเป็นองค์กรแห่งความรู้และองค์กรวิจัยของตนเอง อาทิ การทำวิจัยพัฒนาองค์ความรู้และพัฒนาระบบเชื่อมต่อองค์ความรู้สู่การปฏิบัติ เป็นต้น
ในเรื่องดังกล่าวนี้ ผมนำเสนอความคิดเกี่ยวกับ การพัฒนาที่ยั่งยืน เอาไว้ในหนังสือ สยามอารยานุสติ : รักชาติแบบอารยะ ว่าต้องมีเป้าหมายมุ่งสร้างให้เกิดเศรษฐกิจที่มั่งคั่งและยั่งยืน ประชาชนมีความอยู่ดีกินดี การเมืองที่มีเสรีภาพและเสถียรภาพ เกิดความสุขสงบ เรียบร้อย และสังคมพหุเอกานิยม ที่มีความสมานฉันท์และหลากหลาย แม้มีความแตกต่างแต่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ3 มหาวิทยาลัยในฐานะองค์กรชั้นนำทางด้านวิชาการความรู้ควรมีส่วนร่วมขับเคลื่อนผลักดันให้เป้าหมายการพัฒนาดังกล่าวนี้บรรลุสู่ความสำเร็จ สร้างให้เกิดผลกระทบทั้งในระดับการปฏิบัติและนโยบายการพัฒนาประเทศ ผ่านกิจกรรมการจัดการศึกษาเรียนรู้ การทำวิจัย และการเป็นต้นแบบด้านการลงมือปฏิบัติ อันจะเป็นประโยชน์ยิ่งต่อการพัฒนานำพาประเทศให้ก้าวสู่ความเป็นอารยะครับ
1เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์. สยามอารยานุสติ : รักชาติแบบอารยะ. พิมพ์ครั้งที่ 1. (กรุงเทพฯ : ซัคเซส มีเดีย, 2557), หน้า 67.
2Kate Kondayen. The Sustainability Science Program at 10. [Online]. accessed July 4, 2016, available from http://news.harvard.edu/gazette/story/2016/05/the-sustainability-science-program-at-10/
3เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์. สยามอารยานุสติ : รักชาติแบบอารยะ. หน้าเดียวกัน. และในการบรรยายตามสถานที่ต่าง ๆ
ที่มา: สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์
คอลัมน์ : สะท้อนคิดจากฮาร์วาร์ด
ปีที่ 63 ฉบับที่ 44 วันที่ ศุกร์ 15 – พฤหัสบดี 21 กรกฎาคม 2559
ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์
นักวิชาการอาวุโส มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
ประธานสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา (IFD)
kriengsak@kriengsak.com, https://www.kriengsak.com
แหล่งที่มาของภาพ : สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์