…“รับทำวุฒิปลอมด่วนราคาถูกเพื่อใช้สมัครงาน” …“ทำวุฒิของแท้ ใช้เรียน ใช้สมัครงาน ราคากันเอง”
คำโฆษณาจูงใจที่พบได้ทันที เมื่อพิมพ์คำว่า “ปลอมวุฒิการศึกษา” ให้ค้นหาในอินเทอร์เน็ต จะพบว่า มีเว็บที่ ‘รับจ้าง’ ปลอมอย่างโจ่งแจ้ง ด้วยคำโฆษณาและรายละเอียดราคาในแต่ละวุฒิ แต่ละสถาบันอย่างละเอียด รวมทั้ง ให้ความมั่นใจว่าจะเหมือนจริงจนแทบไม่มีใครจับได้
ที่สำคัญ ในบางเว็บมีการทำเป็น ‘ขบวนการ’ โดยเชื่อมโยงกับคนในสถาบันการศึกษา ถึงกับกล้าสื่อสารทำนองว่า “จะส่งไฟล์ให้พิมพ์ออกมา และนำไปรับใบวุฒิต้นฉบับ หรือ ‘ตัวจริง’ ได้ที่สถาบันนั้นเลย โดยจะบอกชื่อบุคคลากรให้…และสามารถเข้ารับปริญญาได้โดยมีชื่อขอจบในปีล่าสุด” และจูงใจด้วยว่า “ท่านจะเช็คชื่อในระบบนักศึกษาได้ โดยปกติทุกประการ”
ในมุมของ คนที่ต้องการงานทำ หรืออยากทำงานในบางหน่วยงาน เช่น หน่วยงานราชการ หรือบริษัทที่มีชื่อเสียง ฯลฯ การมีวุฒิการศึกษาตามที่ต้องการ และจบจากสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียง ย่อม ‘เพิ่มโอกาส’ ได้เข้าทำงานมากกว่า …การปลอมวุฒิบัตร จึงเป็นทางเลือกหนึ่งของคนที่ไม่ตระหนักว่า ตนกำลัง ‘คิดสั้น’ อยู่
หากใครที่คิดจะใช้วิธีนี้ในการสมัครงาน หรือสมัครเรียนต่อ ขอแนะนำว่า ให้เลิกเสีย..อย่าแม้แต่คิด ให้คิดว่า ลำบากตอนนี้ ดีกว่าต้อง ‘ร้องไห้หนักมาก’ ในอนาคต
เมื่อต้นปี 2555 ยาฮูได้เปลี่ยนซีอีโอคนใหม่ โดยได้แต่งตั้ง นายสก็อตต์ ธอมป์สัน อดีตประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี ของเพย์แพล บริษัทชำระเงินออนไลน์ของอีเบย์ เข้ามาดำรงตำแหน่ง ซึ่งจากประวัติการทำงานของเขา เรียกได้ว่าเป็นผู้บริหารที่ ‘เก่ง’ คนหนึ่งทีเดียว จากผลงานที่ผ่านมา อาทิ มีส่วนเพิ่มฐานผู้ใช้ประจำของเพย์แพล เว็บไซต์ประมูลรายใหญ่ จาก 50 ล้านคน เป็นมากกว่า 104 ล้านคน ทางยาฮูจึงมั่นใจว่า เขาจะสามารถรับมือกับคู่แข่งหน้าใหม่อย่างกูเกิลและเฟซบุ๊กได้
ทว่า..อนาคตของธอมป์สัน ในยาฮู จบลงด้วยเวลาอันสั้น ไม่ถึง 5 เดือน เมื่อผู้ถือหุ้นกลุ่มหนึ่งของยาฮู ได้เขียนจดหมายถึงคณะกรรมการบริหาร รายงานว่า เขาได้ตกแต่งประวัติการศึกษาโดยอ้างว่า จบสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ จากวิทยาลัยสโตนฮิลล์ ในปี พ.ศ.2522 ซึ่งเมื่อตรวจสอบพบว่า วิทยาลัยแห่งนี้ ไม่มีสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ จนกระทั่งปี พ.ศ.2526 หรือ 4 ปีหลังจากที่เขากล่าวอ้าง
ความจริงนี้ ได้ทำลาย ‘ชื่อเสียง’ และผลงานความสำเร็จทั้งหมดที่ซีอีโอผู้เก่งกาจนี้ได้ทำมา ตลอดระยะเวลาการทำงาน และกลายเป็นกรณีอื้อฉาวที่สังคมรับไม่ได้ และทำให้นายสก็อตต์ ธอมป์สัน ต้องลาออกจากตำแหน่ง เพราะความมัวหมองจากการปลอมแปลงประวัติการศึกษาดังกล่าว
ถามตัวเองว่า เราอยากมีจุดจบแบบนี้หรือไม่? …คงไม่มีใครอยากเป็นเช่นนี้ ดังนั้น เราจึงต้องคิดและทำให้ถูกต้องตั้งแต่วันนี้
‘ทางลัด’ ที่หลอกลวง จะกลายเป็น ‘ทางตัน’ ในที่สุด คนตกงาน คนอยากได้งาน คนไม่มีเงินเพราะไม่มีงาน อาจนำไปสู่การ ‘คิดสั้น’ ทำไปเพราะหวังผลเฉพาะหน้า โดยอาจคิดเพียงว่า ปลอมให้แนบเนียนที่สุด มีตราประทับ มีลายเซนต์เรียบร้อย หรืออาจคิดว่าเป็นตำแหน่งเล็ก ๆ ไม่น่าสงสัย คงรอดตัวไปได้ โดยลืมไปว่า ประวัติ ‘ปลอม’ จะติดตัวตลอดไป และประวัติที่ปลอมไว้นานแล้ว ตั้งแต่เริ่มหางานทำใหม่ ๆ อาจถูกขุดคุ้ยเปิดโปงขึ้นมาได้ ในยามที่เรามีตำแหน่ง มีหน้าที่การงานที่มั่นคง และมีคน ‘ขุดคุ้ย’ ตรวจสอบ
ที่สำคัญ การตรวจสอบประวัติย้อนหลังของคนทำงาน จะเป็นเรื่องที่องค์กรต่าง ๆ ให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้น เพราะธุรกิจปลอมวุฒิการศึกษาที่ทำกันอย่าง ‘โจ่งแจ้ง’ ทำให้องค์กรต่าง ๆ ต้องปรับตัว ตรวจสอบเพิ่มขึ้น เช่น ไม่เพียงแต่ดูใบวุฒิบัตรเท่านั้น แต่จะต้องกลับไปยังสถาบันที่อ้างถึง ขอดูทรานสคริปต์ของทุกปีตลอดระยะเวลาที่ได้ศึกษา การสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และกำหนดโทษ ไม่เพียงไล่ออก แต่จะถูกดำเนินคดีฐานหลอกลวงด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าจะรับ ตัวจริง ไม่ใช่ ตัวปลอม เข้าทำงาน
แม้ประวัติไม่สวย แต่จุดจบจะสวย..ด้วยมือเรา วุฒิการศึกษาอาจทำให้เราได้งาน แต่ไม่ได้รับประกันว่าเราจะประสบความสำเร็จ ความสำเร็จขึ้นอยู่กับความสามารถของเราหลังจากนั้น แม้คนที่ปลอมวุฒิ เมื่อทำงานก็ต้องสร้างผลงานด้วยตนเอง จึงก้าวหน้าได้ แต่ความแตกต่างคือ เมื่อ ‘จุดดำ’ ของความหลอกลวงปรากฏ ‘จุดจบ’ ย่อมมาถึง ในทางตรงกันข้าม หากเรายอมรับความจริง นำเสนอตัวตนและประวัติที่แท้จริง ใช้ความรู้ความสามารถของเราอย่างเต็มที่ ย่อมนำไปสู่ความสำเร็จได้เช่นกัน และมั่นคงยิ่งกว่าด้วย
หากพิจารณาคนที่ประสบความสำเร็จในโลกนี้ จำนวนมาก ‘เรียนไม่จบ’ และไม่อายที่จะบันทึกในประวัติของตนเช่นนั้น เพราะความสำเร็จเกิดจากความพยายามด้วยตนเอง เช่น ไมเคิล เดลล์ (Michael Dell) ผู้ก่อตั้งคอมพิวเตอร์ยี่ห้อ Dell หยุดเรียนตั้งแต่อายุ 19 ปี หรือ สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) ผู้ก่อตั้งและสร้างความยิ่งใหญ่ ให้กับ Apple เข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้เพียงเทอมเดียว หรือผู้กำกับชื่อดัง ระดับออสการ์ เจมส์ แคเมรอน (James Cameron) หยุดเรียนตอนปี 2 เพื่อไปทำงานรับจ้างทั่วไป ทั้งขับรถบรรทุกและงานเขียน ระหว่างนั้น ทุกคนต่างพยายามทำตามความฝันของตน และประสบความสำเร็จในที่สุด
ทุกคนชอบ ‘คนเก่ง’ แต่ไม่มีใครชอบ ‘คนโกง’ ภาษิตไทยที่ว่า “ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน” ยังคงใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย ไม่มีอะไรมีคุณค่ามากกว่า ‘ความจริง’ แม้ความก้าวหน้าในการทำงานจะยากลำบาก หรือเป็นไปอย่างเชื่องช้า แต่ก็ไม่มีใครสามารถทำลายลงได้ เพราะไม่มี ‘รอยด่าง’ แห่งความหลอกลวง ในประวัติของเรานั่นเอง
ที่มา: งานวันนี้
ปีที่ 17 ฉบับที่ 740 วันที่ 24 มิ.ย.-8 ก.ค. 2558
ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์
นักวิชาการอาวุโส มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
kriengsak@kriengsak.com, http://www.kriengsak.com
แหล่งที่มาของภาพ : http://www.professorshouse.com/wp-content/uploads/2015/03/education-23.jpg