เดลินิวส์
วิกฤตอุทกภัยสร้างความเสียหายมูลค่ามหาศาล นักวิชาการจากหลายสำนักได้พยายามประเมินผลกระทบที่เกิดจากวิกฤตต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญทางเศรษฐกิจมหภาค
แต่อีกเป้าหมายหนึ่งในทางเศรษฐกิจที่ยังไม่มีผู้กล่าวถึงมากนัก คือ ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ซึ่งมีแนวโน้มว่าอุทกภัยจะทำให้ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะความเหลื่อมล้ำระหว่างกรุงเทพฯ กับต่างจังหวัดหรือชานเมือง
แน่นอนว่า ปัจจัยที่สร้างความแตกต่างทางเศรษฐกิจมากขึ้น คือประชาชนในพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วมต้องสูญเสียงาน สูญ
เสียรายได้ แต่กลับมีค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในการซ่อมแซมบ้านเรือน ยานพาหนะ และเครื่องใช้ต่างๆ ซึ่งอาจทำให้ความมั่งคั่งลดลงและจำนวนคนยากจนในต่างจังหวัดเพิ่มสูงขึ้น
อีกปัจจัยหนึ่ง คือ ทรัพย์สิน โดยเฉพาะที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมจะมีราคาลดลง เนื่องจากมีความเสี่ยงจากภัยน้ำท่วม ทำให้ความต้องการขายเพิ่มขึ้น แต่ความต้องการซื้อลดลง ในทางตรงกันข้ามราคาอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพชั้นในกลับสูงขึ้น เนื่องจากความต้องการซื้อเพิ่มสูงขึ้น และมีต้นทุนความเสี่ยงต่ำ
กระแสความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในกรุงเทพชั้นในมากขึ้น โดยเฉพาะการพักอาศัยในอาคารชุด ทำให้เกิดการกระจุกตัวของประชากร ซึ่งส่งผลทำให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้นในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นใน ขณะที่รัฐบาลจำเป็นต้องลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการขยายตัวของจำนวนประชากร ทำให้ความเจริญยิ่งกระจุกตัวมากขึ้นในเขตกรุงเทพฯชั้นใน
ประการสำคัญ คือ การย้ายฐานการผลิตหรือชะลอการลงทุนเพิ่มของบริษัทต่างชาติในประเทศไทย รวมทั้งการทบทวนการเข้ามาลงทุนของบริษัทใหม่ๆ ทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจของพื้นที่ปริมณฑลและต่างจังหวัดที่ถูกน้ำท่วมมีแนวโน้มชะลอตัวลง และทำให้การอพยพเข้ามาทำงานในกรุงเทพเพิ่มสูงขึ้น
ความเหลื่อมล้ำดังกล่าวจะยิ่งปรากฏผลชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปนานขึ้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อน้ำลดและมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลสิ้นสุดลง ปัญหาความยากจน ปัญหาอาชญากรรม ความขัดแย้งและความไม่พอใจของประชาชนจะทวีมากขึ้น
การดำเนินนโยบายต่อเนื่องของรัฐบาลหลังจากน้ำลดจึงมีความสำคัญ ซึ่งผมมีข้อเสนอบางประการเพื่อลดความเหลื่อมล้ำดังกล่าว
สร้างอาชีพระยะสั้นให้กับผู้ว่างงาน รัฐบาลควรจัดหาอาชีพให้ในระยะสั้น เช่น การฝึกอบรมทักษะอาชีพซึ่งเป็นที่ต้องการหลังน้ำลดแก่คนที่ว่างงาน เช่น ช่างก่อสร้าง (ซ่อมแซมบ้าน) ช่างไม้ (ซ่อมเฟอร์นิเจอร์) ช่างไฟฟ้าและช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ช่างซ่อมเครื่องยนต์ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เป็นต้น อีกแนวทางหนึ่ง คือหน่วยงานรัฐจ้างแรงงานที่ว่างงานทำงานฟื้นฟูบ้านเมืองและฟื้นฟูอาคารสถานที่ของหน่วยงานราชการที่ได้รับความเสียหาย เป็นต้น โดยในระหว่างที่คนว่างงานยังไม่มีรายได้ รัฐบาลอาจยังจำเป็นต้องมีมาตรการสงเคราะห์ต่อเนื่องต่อไปแม้น้ำลดลงแล้วก็ตาม
ฟื้นฟูสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อให้สถานประกอบการกลับมาเดินเครื่องได้อีกครั้ง เพื่อทำให้แรงงานมีงานทำ มีรายได้ สามารถดูแลตนเองและครอบครัว ไม่กลายเป็นภาระของครอบครัวและสังคม รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับสถานประกอบขนาดกลางและขนาดย่อมที่อยู่นอกนิคมอุตสาหกรรม (ซึ่งขาดแคลนทรัพยากรในการฟื้นฟูกิจการ) เช่น การจัดสรรเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อการฟื้นฟูกิจการและเสริมสภาพคล่อง การจัดงานแสดงสินค้าช่วยเหลือ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยให้ผู้ประกอบการออกบูทฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เป็นต้น
ดึงความมั่งคั่งจากผู้ที่ได้รับการปกป้องมาชดเชยผู้ที่ได้รับผลกระทบ เพราะผู้ที่อยู่ในกรุงเทพชั้นในไม่เพียงไม่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมเท่านั้น แต่ยังได้รับประโยชน์จากราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย รัฐบาลจึงอาจพิจารณามาตรการเพื่อดึงความมั่งคั่งจากผู้ที่ได้รับการปกป้องมาชดเชยผู้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ยกตัวอย่างเช่น การจัดเก็บภาษี capital gain จากผู้ถือครองที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง การเพิ่มอัตราค่าธรรมเนียมการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในเขตเมืองชั้นใน เป็นต้น ซึ่งทำให้รัฐบาลมีงบประมาณในการชดเชย ฟื้นฟูและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบมากขึ้น
รักษาการลงทุนจากต่างประเทศ นอกเหนือจากการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบจัดการน้ำในเขตเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมในพื้นที่ต่างจังหวัดและกรุงเทพฝั่งตะวันตก เพื่อลดความเสี่ยงของน้ำท่วมในอนาคต มาตรการที่ควรดำเนินการควบคู่ไปด้วย คือการรักษาการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเตรียมพื้นที่ที่ปราศจากความเสี่ยงจากน้ำท่วม เพื่อรองรับการย้ายฐานการผลิตและการลงทุนใหม่ แทนที่จะยอมปล่อยให้โรงงานย้ายฐานออกไปต่างประเทศ เช่น การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมในพื้นที่ใหม่ การพิจารณาให้สิทธิพิเศษด้านการลงทุนแก่โรงงานที่ต้องการย้ายฐานการผลิตออกไปยังพื้นที่ในประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ เป็นต้น
สถานการณ์ความขัดแย้ง การรื้อทำลายแนวคันกั้นน้ำ หรือการชุมนุมเรียกร้องรัฐบาลให้แก้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ของตน สะท้อนถึงความไม่เท่าเทียมในด้านความรู้สึกที่เกิดขึ้น แต่หลังจากน้ำลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจจะปรากฏชัดเจนและทวีความรุนแรงมากขึ้น รัฐบาลจึงควรระมัดระวังและเตรียมมาตรการแก้ไขและบรรเทาปัญหาเหล่านี้ เพราะปัญหายังไม่จบ แม้น้ำได้จากไปแล้ว
ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์
นักวิชาการอาวุโส ศูนย์ศึกษาธุรกิจและรัฐบาล มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
kriengsak@kriengsak.com, https://www.kriengsak.com