
คอลัมภ์ : การเมือง : ทัศนะวิจารณ์
การเปิดเสรีทางการค้าเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจมาตลอด เนื่องจากส่งผลกระทบต่อคนจำนวนมาก
และในปี พ.ศ.2558 ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งเป็นมากกว่าเพียงการเปิดเสรีทางการค้า แต่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนครอบคลุมการเปิดเสรีแทบทุกกิจกรรมเศรษฐกิจ ทั้งการค้า การลงทุน การเคลื่อนย้ายแรงงาน และการเคลื่อนย้ายเงินทุน นอกจากนี้ยังครอบคลุมทั้งกลุ่มอาเซียนที่มีสมาชิกถึง 10 ประเทศ ดังนั้นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะมีผลกระทบอย่างยิ่งต่อประเทศไทยในอนาคต
เมื่อไม่นานมานี้ผมได้รับคำถามว่า การเคลื่อนย้ายแรงงานเสรี ซึ่งเป็นข้อตกลงส่วนหนึ่งของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนนั้น
มีผลทำให้อาชญากรรมเพิ่มขึ้นหรือไม่? ผมเห็นว่าประเด็นนี้มีความน่าสนใจที่จะหาคำตอบอย่างมีเหตุผลทางวิชาการ เนื่องจากผู้ที่เกี่ยวข้องในภาคส่วนต่างๆ ได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเปิดเสรีไม่ว่าจะเป็นภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม แรงงาน ภาคการขนส่ง อย่างไรก็ตามประเด็นส่วนใหญ่ที่กล่าวถึงนั้นเป็นประเด็นทางเศรษฐกิจ ขณะที่การเตรียมความพร้อมทางสังคมยังมีการกล่าวถึงน้อยมาก?
ผมมีโอกาสได้อ่านงานศึกษาของ Ghosh and Robertson (2011) ซึ่งได้ตีพิมพ์ผลงานเรื่อง ?Crime, Factor Abundance and Globalization: Evidence from Cross-Country Panel Data? ซึ่งได้ศึกษาความสัมพันธ์ของการเปิดเสรีทางการค้ากับอัตราการเกิดอาชญากรรม โดยใช้แบบจำลองทางเศรษฐศาสตร์และคณิตศาสตร์ การเปิดเสรีทางการค้าในความหมายของ Ghosh and Robertson อยู่บนพื้นฐานแนวคิดของ Stolper – Samuelson ซึ่งอธิบายถึงแบบจำลองการค้าระหว่างประเทศในกรณีประเทศเล็กที่เปิดประเทศ และตัวแปรที่แสดงถึงการเปิดเสรีทางการค้า คือ อัตราส่วนมูลค่าการค้าต่อรายได้ประชาชาติ (Trade/GDP) และ อัตราภาษีของสินค้านำเข้า ?
ส่วนอาชญากรรมนั้นเป็นคำที่กว้างครอบคลุมกิจกรรมจำนวนมาก เช่น การลักลอบขนส่งสินค้าที่ผิดกฎหมาย การใช้กำลังบีบบังคับ การใช้ความรุนแรง หรือแม้แต่การก่อสงคราม เป็นต้น แต่ในงานศึกษาของ? Ghosh and Robertson นี้ อาชญากรรม หมายถึง จำนวนการจี้ปล้นโจรกรรมทรัพย์สินส่วนบุคคล รถจักรยานยนต์ รถยนต์และอื่นๆ (Thefts) และการลักทรัพย์ (Burglaries) โดยข้อมูลที่นำมาวิเคราะห์นั้นนำมาจากสำนักงานข้อมูลอาชญากรรมของ United Nations Survey of Crime Trends and Operation of Criminal Justice (UNCS) และ International Crime Victims Survey (ICVS) ซึ่งเป็นข้อมูลตั้งแต่ปี 1985 – 2009 ครอบคลุม 63 ประเทศจากทุกทวีป (รวมประเทศไทยด้วย) และพิจารณาประเทศที่มีอัตราส่วนของทุนต่อจำนวนแรงงานที่หลากหลายแตกต่างกันไป โดยมีตัวแปรควบคุมคือ อัตราการขยายตัวของรายได้ประชาชาติต่อหัว จำนวนประชากร และอัตราการว่างงาน?
ผลการศึกษาพบว่าการเปิดเสรีทางการค้า (มีการนำเข้าและส่งออกสูง ประกอบกับมีกำแพงภาษีนำเข้าต่ำ) มีผลทำให้อัตราการเกิดอาชญากรรม (การจี้ปล้นโจรกรรมและการลักทรัพย์) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในประเทศที่ผลิตโดยใช้แรงงานเข้มข้น (Labor abundant countries) แต่มีผลทำให้อัตราการเกิดอาชญากรรมลดลงเล็กน้อยหรือไม่มีผลเลยในประเทศที่ผลิตโดยใช้ทุนเข้มข้น (Capital abundant countries)
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ Ghosh and Robertson อธิบายว่า การเปิดเสรีทางการค้ามีแนวโน้มที่จะทำให้ค่าจ้างแรงงานสูงขึ้นในประเทศที่ใช้แรงงานเข้มข้น ทำให้แรงงานบางส่วนไม่ถูกนำไปใช้ในกิจกรรมที่เกิดผลิตภาพ แรงงานกลุ่มดังกล่าวจึงหันไปก่ออาชญากรรม ซึ่งมีส่วนทำให้อัตราการเกิดอาชญากรรมสูงขึ้น ขณะที่การเปิดเสรีนั้นมีแนวโน้มที่จะทำให้ค่าจ้างแรงงานถูกลงในประเทศที่ใช้ทุนเข้มข้น ซึ่งมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดผลในทางตรงกันข้าม
งานศึกษาของ Ghosh and Robertson อาจพอให้เราเข้าใจความสัมพันธ์ของการเปิดเสรีทางการค้ากับอัตราการเกิดอาชญากรรมได้ระดับหนึ่ง แม้ว่าในงานศึกษาไม่ได้ระบุว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ใช้แรงงานเข้มข้นหรือใช้ทุนเข้มข้น แต่ภาคการผลิตของไทยกำลังพัฒนาไปในทิศทางของการใช้ทุนเข้มข้นขึ้น เห็นได้จากสินค้าอุตสาหกรรมที่ใช้ทุนเข้มข้นและใช้เทคโนโลยีชั้นสูงมีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 52.20 ในเดือน ก.ย. ปี 2540 เพิ่มขึ้นเป็น ร้อยละ 62.87 ในเดือน ก.ย. ปี 2550 (ธนาคารแห่งประเทศไทย) ดังนั้นบนฐานของงานศึกษาของ Ghosh and Robertson อาจสรุปได้ว่า แม้ประเทศไทยเปิดเสรีทางการค้ามากขึ้นจะไม่ทำให้อัตราการเกิดอาชญากรรมเพิ่มขึ้นหรือเพิ่มขึ้นน้อยมาก?
อย่างไรก็ดี ภาพที่เห็นจากงานศึกษานี้อาจไม่ครบถ้วนทั้งหมด เนื่องจาก ปัจจัยที่อาจทำให้เกิดอาชญากรรมนั้นมีจำนวนมาก ไม่ใช่เพียงปัจจัยด้านการค้าหรือเศรษฐกิจเท่านั้น นอกจากนี้แบบจำลองที่ใช้ในการศึกษายังเป็นการอธิบายในเรื่องของการค้า ซึ่งไม่ได้ครอบคลุมถึงการเคลื่อนย้ายเงินทุนและการเคลื่อนย้ายแรงงานซึ่งจะเกิดขึ้นภายใต้กรอบประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งอาจทำให้ผลการศึกษาแตกต่างออกไป
ผมคิดว่าภาครัฐควรทำการศึกษาวิจัยผลกระทบที่เกิดขึ้น และเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมอาเซียนที่จะมาถึงให้ครบทุกด้าน ไม่เพียงแต่สนใจด้านใดด้านหนึ่ง หรือสนใจแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น ภาครัฐต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้น เราต้องไม่ลืมว่าการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมอาเซียนนั้นเป็นเหตุการณ์สำคัญ เป็นจุดเปลี่ยนหนึ่งของไทยที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประเทศอย่างมากในแทบทุกด้านไปอย่างยาวนาน
ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์
นักวิชาการอาวุโส มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
kriengsak@kriengsak.com, https://www.kriengsak.com