หวยออนไลน์…ล้มได้ ก็ลุกได้

คอลัมภ์ : การเมือง : ทัศนะวิจารณ์

การประกาศของนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้ยกเลิกโครงการสลากกินแบ่งแบบเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว ด้วยเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติ หรือหวยออนไลน์
แม้ว่าจะสร้างกระแสความไม่พอใจให้เกิดขึ้น แม้จะมีแนวโน้มว่า รัฐอาจต้องเสียค่าปรับให้กับบริษัทคู่สัญญา และต้องจ่ายเงินช่วยเหลือชดเชยสิทธิประโยชน์แก่ประชาชนผู้ค้าที่ได้ลงทุนไปแล้ว หรือแม้จะถูกมองว่าเป็นความไม่จริงใจ เพราะปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมาถึงหนึ่งปี แต่ถึงกระนั้น นายกฯ ยังคงยืนกรานล้มเลิกหวยออนไลน์อย่างหนักแน่น เพื่อแสดงจุดยืนทางการเมืองของตน

ดังคำกล่าวของนายกรัฐมนตรีในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” กรณีหวยออนไลน์ ว่า มีจุดยืนที่ชัดเจน ตั้งแต่ยังไม่เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ว่า ไม่อยากให้รัฐบาลขยายการพนันในรูปแบบต่างๆ และออกผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ๆ หรือนำเรื่องที่ผิดกฎหมายมาทำให้ถูกกฎหมาย

หากมองในมุมของจุดยืนทางการเมือง การประกาศยกเลิกหวยบนดิน ย่อมเป็นเรื่องที่สอดคล้อง แต่หากมองบนพื้นฐานความเป็นจริง โดยยึดผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศทั้งในระยะสั้นและระยะยาวแล้ว การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ อาจนับว่าก่อผลเสียตามมามากกว่า และไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาจริง แม้จะเกิดจากความตั้งใจดีก็ตาม

หวยออนไลน์จะกลายเป็น “หวยล้มลุก” ด้วยเหตุจุดยืนที่ตรงกันข้ามของพรรคการเมืองที่เข้ามาเป็นรัฐบาล มีแนวโน้มส่งผลให้หวยออนไลน์กลายเป็นนโยบายที่มีลักษณะเหมือน “ตุ๊กตาล้มลุก”?

ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับหวยออนไลน์มาโดยตลอด ตั้งแต่เป็นพรรคฝ่ายค้าน ในขณะที่พรรคใหญ่อีกขั้วหนึ่งผลักดันหวยออนไลน์มาตลอด ในสมัยเป็นพรรครัฐบาล จนจวนจะเป็นรูปธรรมสมบูรณ์แบบก่อนที่จะถูกยกเลิกไป ดังนั้น หากในอนาคตเมื่อรัฐบาลชุดนี้หมดวาระลง และได้พรรคการเมืองที่สนับสนุนหวยออนไลน์ได้กลับมาเป็นรัฐบาล ย่อมแน่นอนว่าการปัดฝุ่นหวยออนไลน์ให้คืนชีพอีกครั้งจะเกิดขึ้นแน่

นั่นหมายความว่า ความตั้งใจดีในการล้มเลิกโครงการนี้ของรัฐบาลชุดนี้ ย่อมเป็นการเสียเปล่า อาจหมายถึง การสูญเสียงบประมาณแผ่นดิน เพื่อชดเชยความสูญเสียต่างๆ ไปโดยเปล่าประโยชน์ และจากนั้น รัฐบาลชุดใหม่จะเริ่มนับหนึ่งใหม่ แต่ถึงกระนั้น ก็อาจนับไม่ถึงสิบ เมื่อมีอันต้องเปลี่ยนรัฐบาลอีกครั้ง อาจถูกยกเลิกอีกก็เป็นได้ เป็นการวนซ้ำที่ไม่รู้ว่าจะมีข้อสรุปอย่างไร

การดึงดันจุดยืนในนโยบายพรรคที่แตกต่างเป็น 2 ขั้ว ลักษณะนี้ เมื่อนำมาใช้ในภาคปฏิบัติ โดยปราศจากความยืดหยุ่น ย่อมเกิดผลเสียมากกว่าผลดี ไม่เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ดังนั้น รัฐบาลที่เห็นแก่ประโยชน์ของประชาชนก่อนประเด็นทางการเมือง จึงควรหาทางออกที่สร้างสรรค์ และสูญเสียน้อยที่สุดจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่

แม้โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่ส่งเสริมให้อบายมุขทุกรูปแบบถูกต้องตามกฎหมาย เพราะถือว่าเป็นการมอมเมาประชาชน แต่ถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว อาทิเช่น ลอตเตอรี่ หรือแม้กระทั่งหวยออนไลน์ที่ได้มีการลงทุนไปแล้ว และในความเป็นจริงแล้วล้มเลิกยากดังเหตุผลที่กล่าวข้างต้น ทางออกที่ได้เคยเสนอไว้นานแล้ว ผมมองว่าหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรปรับให้การซื้อขายหวย ให้ส่วนหนึ่งเป็นการออมระยะยาว โดยเพิ่มทางเลือกรางวัลให้หลากหลายและเป็นประโยชน์ต่อผู้ซื้อ ไม่ว่าจะเป็นบัญชีเงินฝากระยะยาว บ้าน ที่ดิน หรือทุนการศึกษา ส่วนผู้ที่ไม่ถูกรางวัล เงินส่วนหนึ่งจะถูกกันไว้เป็นเงินออมเพื่อวัยเกษียณอายุ สามารถเบิกคืนได้หลังเกษียณอายุ เพื่อทำให้ประชาชนมีเงินออมเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นการช่วยผู้ซื้อซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนยากจนได้รับเงินส่วนหนึ่งคืน โดยให้สถาบันการเงินของรัฐเป็นผู้บริหารจัดการเงินออมดังกล่าว ร่วมกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล

ทางออกลักษณะนี้ ไม่ว่าใครเข้ามาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ ย่อมสามารถนำไปประยุกต์ใช้ต่อได้ โดยไม่จำเป็นต้องล้มกระดาน โดยอ้างจุดยืนทางการเมืองอย่างไม่สนใจทางเลือกอื่นๆ ที่เกิดประโยชน์ต่อทุกฝ่ายมากกว่า

?

ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์
นักวิชาการอาวุโส มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
kriengsak@kriengsak.com, http://www.kriengsak.com