ความคาดหวังต่อผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่

คอลัมภ์ : การเมือง : ทัศนะวิจารณ์

วันที่ 1 ตุลาคม 2553 ที่จะมาถึงนี้ ประเทศไทยจะมีผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ ที่มีชื่อว่า ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ซึ่งจะมารับหน้าที่ต่อจากนางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนปัจจุบัน ที่จะเกษียณอายุในเดือนกันยายนนี้

ดร.ประสาร เปิดเผยว่า ภารกิจแรกที่ต้องเข้ามาดูแลหลังจากรับตำแหน่ง คือ การดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจภายในและภายนอกประเทศ เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างมั่นคง รวมทั้งต้องทำหน้าที่ในการรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ฝาก ดร.ประสารให้ความสำคัญกับการให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการเงินมากขึ้น รวมทั้งการลดต้นทุนทางการเงินให้แก่ประชาชน โดยการลดส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก ซึ่งหากเทียบกับประเทศด้อยพัฒนา ไทยมีส่วนต่างดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า แต่หากเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว ส่วนต่างดอกเบี้ยของไทยสูงกว่า เพราะประเทศที่พัฒนาแล้วมีช่องทาง หรือสินค้าทางการเงินที่หลากหลาย ทำให้สามารถหาแหล่งรายได้จากค่าธรรมเนียม มาทดแทนรายได้จากดอกเบี้ยที่ลดลงได้มากกว่า

ประเด็นที่นายประสาร รวมทั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวถึงนั้นเป็นปัญหาสำคัญในภาคการเงินที่รอการแก้ไข อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากประเด็นเหล่านี้แล้ว ผมคิดว่ายังมีอีกบางประเด็นที่ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ควรให้ความสนใจ ได้แก่

การสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในการกำกับดูแลภาคการเงิน

จากวิกฤติซับไพร์มที่ผ่านมา ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากวิกฤตินั้นได้ลุกลามข้ามประเทศ เนื่องจาก การเคลื่อนย้ายเงินทุนข้ามประเทศมีความเสรีมากขึ้น สินค้าทางการเงินมีความซับซ้อนมากขึ้น ทำให้การกำกับดูแลเฉพาะในประเทศอย่างเดียวไม่เพียงพอ การร่วมมือระหว่างประเทศในระดับภูมิภาคเพื่อกำกับดูแลการเคลื่อนย้ายเงินทุนและสถาบันการเงินจึงเป็นประเด็นที่สำคัญ?

ที่ผ่านมา ภูมิภาคอาเซียนมีความพยายามที่จะร่วมมือกันแล้วในระดับหนึ่ง นั่นคือ ข้อตกลงริเริ่มเชียงใหม่ (Chiang Mai Initiative : CMI) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียน+3 ที่นำทุนสำรองระหว่างประเทศบางส่วนมารวมกัน เพื่อให้การช่วยเหลือแก่ประเทศสมาชิกที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติ ซึ่งผมเห็นว่าถือเป็นการริเริ่มที่ดี และเป็นแนวทางที่เหมาะสม

อย่างไรก็ตาม หากต้องการสร้างเสถียรภาพทางการเงินในภูมิภาคอย่างแท้จริงนั้น ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ ต้องผลักดันให้เกิดความร่วมมือทางการเงินในภูมิภาคมากขึ้น ซึ่งมีอีกหลายเรื่องซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาหาข้อตกลงร่วมกัน เช่น การศึกษาเรื่อง Financial Landscape in ASEAN เพื่อทำความเข้าใจภาพรวมทางด้านการเงินของอาเซียนในภาพรวม หรือการร่วมกันพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางด้านการเงินของอาเซียน เป็นต้น

การสร้างความพร้อมเพื่อรองรับการเปิดเสรีทางการเงินในอนาคต

แนวโน้มของโลกเป็นไปในทิศทางการเปิดเสรีทางการเงิน ซึ่งภาคการเงินของไทยมีแนวโน้มที่จะถูกกดดันให้เปิดเสรีทางการเงินมากขึ้น เมื่อไม่นานมานี้ คณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทยเองยังได้แนะนำให้ไทยเปิดเสรีทางการเงิน เพื่อลดค่าใช้จ่ายและต้นทุนทางการเงินของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและผู้ส่งออกไทย?

ปัจจุบันภาคการเงินของไทยถือว่ามีการแข่งขันค่อนข้างน้อย เห็นได้จากธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่เป็นผู้ครอบงำตลาดสินเชื่อ รวมทั้งส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากที่สูงอยู่นั้น แสดงให้เห็นว่ามีผู้ให้บริการน้อยราย

ดังนั้น เพื่อช่วยให้ต้นทุนทางการเงินของประชาชนและผู้ผลิตลดลง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ ควรผลักดันให้ภาคการเงินมีการแข่งขันมากขึ้น เช่น การให้ใบอนุญาตประกอบกิจการธนาคารเพิ่มขึ้น หรือควรพิจารณากฎระเบียบที่ไม่เข้มงวดมากจนเกินไป แต่สามารถกำกับดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนกฎหมายต่างด้าวนั้น จะให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นในธนาคารพาณิชย์ได้มากน้อยเพียงใด ควรมีการศึกษาข้อดีข้อเสียอย่างชัดเจน เป็นต้น

ช่วงเวลาต่อไปข้างหน้าถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนต่อไป เนื่องจากระบบการเงินมีความซับซ้อนมากขึ้น การเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศสะดวก รวดเร็ว และมีความผันผวนสูง จากการที่โลกมีความเชื่อมโยงกันมากขึ้นและลึกขึ้น ทำให้ผลกระทบส่งต่อถึงกัน ผมขอเอาใจช่วย ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ในการทำหน้าที่การเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ในวาระที่จะมาถึงให้ประสบความสำเร็จอย่างดีต่อไปครับ

ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์
นักวิชาการอาวุโส มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
kriengsak@kriengsak.com, https://www.kriengsak.com