การพัฒนาดัชนีชี้วัดคุณภาพผู้สมัครรับเลือกตั้ง (Political Candidate Index – PCI)

ประเทศไทยกำลังมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งหนึ่ง คือ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ซึ่งผมคาดการณ์ว่าเป็นปลายเดือนเมษายน 2566 นี้ และในเวลานี้เราเริ่มเห็นการออกมาเปิดตัวนโยบายและผู้สมัครของพรรคต่าง ๆ ที่เริ่มลงพื้นที่พบปะประชาชน หาเสียงก่อนการเลือกตั้ง รวมทั้งนำเสนอนโยบายต่าง ๆ ที่จะช่วยเหลือและพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนให้ดีขึ้น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เรียกได้ว่าเป็น บุคคลสำคัญ ในการเข้าไปทำหน้าที่แทนประชาชน ในการผลักดันร่างกฎหมายและนโยบายที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และช่วยตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล เพื่อนำประเทศไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นจริงได้หากประเทศไทยได้ ส.ส.ที่มีคุณภาพและมีคุณธรรม ตั้งใจทำหน้าที่ด้วยจิตสำนึกมุ่งประโยชน์ส่วนรวม


คำถามคือ ประชาชนจะรู้ได้อย่างไรว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งคนใดมีคุณสมบัติอุดมคติที่เหมาะสม เป็นคนดีมีคุณภาพที่สมควรเลือกเป็น ส.ส.?


ที่ผ่านมาดูเหมือนว่าประเทศไทยจะได้คนที่เหมาะสมเข้าไปทำงานการเมืองไม่มากเท่าที่ควร เห็นได้จากข่าวที่ปรากฎ เช่น การอภิปรายที่ไม่สร้างสรรค์ “งูเห่า” ที่ย้ายพรรคเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง การทุจริตคอร์รัปชัน ฯลฯ ทั้งนี้ การเลือก ส.ส. ที่ดีและมีคุณภาพอาจทำได้ยาก เนื่องจาก ประชาชนไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดว่า ผู้สมัคร ส.ส.คนใดที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสม ผู้สมัครหลายคนยังเป็นหน้าใหม่ ประชาชนไม่ทราบข้อมูลที่เพียงพอในการพิจารณาเลือก ประกอบกับประชาชนไม่มีเวลาในการสืบหาข้อมูล หากต้องหาข้อมูลและวิเคราะห์เองก็ทำได้ยาก เนื่องจากข้อมูลที่หาก็กระจัดกระจาย เกิดต้นทุนในการประมวลผลข้อมูลที่สูงจนเกินไป จนสุดท้ายอาจตัดสินใจเลือกคนที่ไม่เหมาะสมเข้าไปทำหน้าที่ในที่สุด


ด้วยเหตุนี้ ศูนย์ดัชนีเพื่อการพัฒนา (CID) ภายใต้สถาบันอนาคตศึกษา ซึ่งผมเป็นประธาน จึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาดัชนีชี้วัดคุณภาพผู้สมัครรับเลือกตั้ง (Political Candidate Index: PCI) เพื่อเป็นประโยชน์ในการชี้วัดผู้สมัครรับเลือกตั้งที่มีคุณสมบัติเหมาะสม และเป็นแนวทางให้ประชาชนใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกผู้สมัครที่เหมาะสม


1. ดัชนีชี้วัดคุณภาพผู้สมัครรับเลือกตั้ง (Political Candidate Index – PCI) คืออะไร ?

ดัชนี PCI คือ เครื่องมือที่คอยรวบรวมข้อมูลของผู้สมัครมาวิเคราะห์เป็นตัวเลข ทั้งคุณสมบัติด้านการศึกษา การทำงาน การมีความรู้ ประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ ประวัติการทำงานเพื่อส่วนรวม รวมทั้งตัวชี้วัดด้านการมีภาวะการนำ ภาวะการบริหาร และภาวะคุณธรรม เพื่อให้ประชาชนเห็นภาพว่า ผู้สมัครแต่ละคนนั้นมีคุณลักษณะอย่างไร เป็นคนที่ดี เก่ง กล้า เหมาะสมที่จะเลือกเข้ามาหรือไม่ ซึ่งจะเป็นข้อมูลที่ช่วยให้ประชาชนตัดสินใจเลือกคนตามคุณสมบัติเหมาะสม มากกว่าเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งที่รู้จัก เพียงเพราะเป็นคนมีชื่อเสียง เป็นคนมีอิทธิพล หรือเลือกตามพรรคที่ชื่นชอบ โดยไม่รู้คุณสมบัติ ไม่รู้ประวัติด้านอื่น ๆ ของบุคคลนั้นเลย


2. ดัชนี PCI มีประโยชน์อย่างไร ?

การทำดัชนีชี้วัดคุณภาพผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. จะเป็นประโยชน์ต่อสังคมหลายประการ ได้แก่
1) ลดต้นทุนในการตรวจสอบผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง และช่วยให้ประชาชนมีข้อมูลประกอบการพิจารณาเลือกผู้สมัครได้ดีขึ้น ตัวดัชนี PCI จะช่วยทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถตรวจสอบข้อมูลของผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งได้สะดวกขึ้นจากข้อมูลที่รวบรวมไว้ในที่เดียว และได้พิจารณาผ่านข้อมูลที่มีการวิเคราะห์ไว้ด้วยเครื่องมือที่น่าเชื่อถือ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ทำให้มีข้อมูลสำคัญมาประกอบการพิจารณา ทำให้มีโอกาสที่จะเลือกคนที่เหมาะสมเข้าไปทำหน้าที่แทนประชาชนได้ดีขึ้น

2) เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. สามารถประเมินตนเองได้ โดยผู้สมัคร ส.ส. สามารถจะเห็นจุดแข็งและข้อบกพร่องของตนผ่านตัวชี้วัดนี้ และนำไปสู่การใช้ประโยชน์จากจุดแข็งและพยายามแก้ไขข้อบกพร่องของตนเองให้ดีขึ้นได้


3. แนวทางการพัฒนาดัชนี PCI เป็นอย่างไร ?

การพัฒนาตัวชี้วัด PCI ได้ถูกพัฒนาต่อยอดมาจากแนวคิดของผม อันประกอบไปด้วย 2 แนวคิด คือ ความเป็นอารยบุคคล ซึ่งเป็นการประเมินด้านคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. และแนวคิดไตรภาวะ เมื่อรวมสองแนวคิดเข้าด้วยกันแล้ว ทำให้มีตัวชี้วัดทั้งหมด 14 ตัวชี้วัด แสดงได้ดังต่อไปนี้

1) ความเป็นอารยบุคคล – ดี เก่ง กล้า อารยบุคคล คือ บุคคลที่ดี เก่ง กล้า เป็นคนที่มีความเจริญครบถ้วนในทุกด้าน มีความพร้อมที่จะเป็นแกนนำในสังคมด้านต่าง ๆ เป็นแกนนำทางความคิด ความประพฤติและเป็นแบบอย่างที่ดี โดยสำหรับด้านของคุณสมบัติของผู้สมัคร ส.ส. ที่จะต้องเป็นคนดี/ เก่ง/ กล้า ประเมินผ่าน 9 ตัวชี้วัด ได้แก่ ผลงาน/รางวัลด้านสังคม สัดส่วนเวลางานที่ทำเพื่อสังคม ไม่พบประวัติทุจริตคอร์รัปชัน สัดส่วนทรัพย์ที่บริจาคแก่สังคม ผลงาน/รางวัลด้านความเก่ง จบจากสถาบันการศึกษาที่มีมาตรฐาน ผลการศึกษา ตำแหน่งที่ได้รับการยกย่องและผลงาน/รางวัลด้านความกล้าหาญ

2) ไตรภาวะ: ภาวะการนำ ภาวะการบริหาร ภาวะคุณธรรม ผมได้เสนอแนวคิด “ไตรภาวะ” ซึ่งประกอบด้วย ภาวะการนำ ภาวะบริหาร และภาวะคุณธรรม
โดยมีสาระสำคัญว่า บุคคลที่จะสามารถบริหารองค์กรให้ประสบความสำเร็จได้นั้นจำเป็นต้องมีไตรภาวะดังกล่าวนี้ครบถ้วนทั้ง 3 ภาวะ หากมีไม่ครบ จะทำให้องค์กรไม่สามารถบรรลุสู่ความสำเร็จตามที่ต้องการอย่างแท้จริง


ผมเชื่อว่าผู้ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ ส.ส.ควรจะเป็นต้องมีไตรภาวะ – ภาวะการนำ การบริหาร และมีคุณธรรมเช่นเดียวกัน จึงจะสามารถทำหน้าที่ ส.ส.เพื่อประชาชนได้อย่างเกิดผลลัพธ์แท้จริง ดังนั้นดัชนี PCI จึงมีการประเมินไตรภาวะของผู้สมัคร ส.ส. โดยจะวัดผ่าน 5 ตัวชี้วัด ได้แก่ ทักษะการสื่อสาร การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ ผลงานด้านการบริหาร ตำแหน่งด้านการบริหาร และทีมงานไม่มีประวัติทุจริต/คอร์รัปชัน (เพราะแสดงให้เห็นว่าบริหารจัดการและควบคุมคนภายใต้ได้)

โดยตัวชี้วัดในดัชนี PCI จะมีคุณลักษะ 3 ประการ ได้แก่ (1) มีความเป็นภาวะวิสัย (objective-oriented) เพื่อลดข้อโต้แย้ง (2) มีการทำให้เป็นบรรทัดฐาน (normalization) ข้อมูลให้สามารถเปรียบเทียบกันได้อย่างยุติธรรม และ (3) มีการวิจัยปัจจัยสำคัญที่เป็นตัวแปรทำนาย (predictor variable) ที่ดี

โดยรวมแล้ว การมีดัชนี PCI จะมีส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้เลือก ส.ส. ที่มีคุณภาพมาช่วยบริหารให้เกิดการพัฒนาประเทศจากการประเมินที่เน้นข้อมูลเท็จจริงเป็นสำคัญ ทั้งนี้ยังมีส่วนช่วยในการพัฒนาศักยภาพของตัว ส.ส.เอง จากการที่ตัวผู้สมัครเห็นจุดแข็งและจุดที่ต้องพัฒนาในด้านคุณสมบัติส่วนบุคคลและการมีภาวะความเป็นผู้นำเป็น อันนำไปสู่การเลือกตั้งที่มีคุณภาพ และขับเคลื่อนประเทศชาติได้รับผลประโยชน์มากที่สุดจากการได้ ส.ส. ที่มีคุณภาพมาดำรงตำแหน่ง

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *