?ทรัมป์ชนะ? เป็นเพียงก้าวแรก

จากชัยชนะของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งตั้งคำว่า 
“คนอเมริกันได้หันหลังให้กับคุณค่าหรือสิ่งที่เป็นความถูกต้องทางการเมือง (Political correctness)  
เช่น สิทธิเสรีภาพ ความเท่าเทียม ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวอเมริกันยึดถือปฏิบัติ และสั่งสอนให้ชาติต่าง ๆ ประพฤติตามไปแล้วหรือ ? 

หากจะพูดว่าอเมริกันชนได้หันหลังให้กับคุณค่าความเป็นอเมริกันชน เพียงเพราะทรัมป์ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคงเป็นการสรุปที่เร็วเกินไป 
เพราะเราคงไม่อาจตัดเหตุผลด้านอื่นๆ ที่กดดันให้ชาวอเมริกันบางส่วนอึดอัดใจ เช่น 
– กลุ่มที่เบื่อหน่ายเศรษฐกิจ 
– กลุ่มที่ไม่เอาผู้อพยพ 
– กลุ่มที่กลัวการก่อการร้าย 
– กลุ่มที่ไม่เอาเดโมแครต ฯลฯ  

กรณีที่ทรัมป์ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ เราคงพูดได้แต่เพียงว่า “ไม่มีใครเป็นใหญ่ได้หากไม่ได้รับการสนับสนุนที่เข้มแข็งจากประชาชน” 
เพราะแม้ผลคะแนนที่นับจากประชาชนทั่วประเทศ (popular vote ) จะปรากฎว่านางฮิลลารีชนะจริง 
แต่หากพิจารณาจากคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง (electoral vote) ที่เกิดจากความเข้มแข็งทางการเมืองของแต่ละรัฐแล้ว ทรัมป์กลับเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ 

คุณค่าความเป็นอเมริกันอาจอยู่ในช่วง
ปรับตัว ทบทวน สร้างรากฐานใหม่ ละไว้ก่อน หรือจะเปลี่ยนแปลงไปจนไม่เหมือนเดิม 
ย่อมเป็นได้ทั้งสิ้น

ตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์เป็นเพียงชัยชนะแรกเท่านั้น 
ซึ่งเราคงต้องดูกันต่อไปว่า นโยบายสุดโต่งอย่างการสร้างกำแพงยักษ์กั้นพรมแดนเม็กซิโก 
หรือห้ามคนมุสลิมเข้าประเทศ จะนำมาใช้ได้จริงหรือไม่ และจะได้รับการสนับสนุนจากอเมริกันชนเพียงใด 
โดยตระหนักว่า … 
หากทรัมป์ไม่ยึดถือคุณค่าที่ชาวอเมริกันยึดถือไว้ 
ชัยชนะครั้งนี้อาจเป็นชัยชนะครั้งแรกและครั้งเดียวของทรัมป์ก็เป็นได้ 

อย่างรก็ตาม สุดท้ายเราต้องไม่ลืมว่า
ชัยชนะของทรัมป์ไม่ได้มาจากการรอคอยการสนับสนุนจากชนชั้นนำของประเทศ 
ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจหรือภาคการเมือง 
เพราะคนกลุ่มนี้สนับสนุนนางฮิลลารีเป็นส่วนใหญ่ 

แต่การที่ทรัมป์สามารถเอาชนะนางฮิลลารี่ได้นั้น 
เกิดจากชาวอเมริกันทั่วประเทศที่สามารถรวมตัวกันได้มากพอที่จะสนับสนุนให้ทรัมป์ได้รับชัยชนะครั้งนี้ 
ซึ่งสะท้อนการสนับสนุนนโยบายสุดโต่งเหล่านี้ไม่มากก็น้อย

อนาคตของผู้นำคนใหม่และประเทศมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่นี้จะเป็นเช่นไร 
ขึ้นอยู่กับการดำเนินนโยบายของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าจะสามารถสร้างความสมดุลที่ทุกฝ่ายยอมรับได้หรือไม่ 
ทั้งยังคงตอบสนองความต้องการของเสียงสนับสนุน โดยไม่ละเลยเสียงคัดค้านจากผู้สนับสนุนฝ่ายตรงข้าม

ส่วนอนาคตประเทศไทยจะเป็นอย่างไรนั้น 
ก็คงขึ้นอยู่กับเจ้าของประเทศอย่างประชาชนทุกคนว่า…

จะอาสาตัวร่วมแก้ปัญหาบ้านเมืองด้วยใจที่ “รักห่วงใยประเทศ” ตั้งแต่ตอนนี้ 
หรือจะร่วมพลังกันเฉพาะเวลา “ไม่ชอบคนคนหนึ่ง” 

เพราะหากเรารอคอยแต่นักการเมืองในฝัน โดยไม่ร่วมกันปกป้อง “คุณค่า” ความดีงามของสังคมด้วยวิธีที่ถูกต้องแล้ว 
ความวุ่นวายที่อเมริกาเผชิญก็คงเกิดขึ้นในไทยอีก และคราวนี้…
เราคงต้องโทษตัวเองด้วยครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *