กรุงเทพฯ จะเป็นเมืองหลวงแห่งภูมิภาคอาเซียนได้หรือไม่? (1)

เดลินิวส์
คอลัมน์ ?แนวคิด ดร.แดน?
 

หลังจากศึกเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครสิ้นสุดลง พ่อเมืองคนใหม่ของ กทม.มีความรับผิดชอบที่ต้องปฏิบัติตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชน แต่ความรับผิดชอบที่ผู้ว่า กทม.ไม่ควรละเลย คือการพัฒนา กทม.ให้มีความพร้อมรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งประเด็นหนึ่งที่ควรให้ความสำคัญ คือ จะทำอย่างไรให้กรุงเทพฯกลายเป็นเมืองหลวงของอาเซียน

เมื่ออาเซียนรวมกันเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 กรุงเทพมหานครมีโอกาสที่จะกลายเป็นเมืองหลวงหรือเมืองศูนย์กลางของประชาคมอาเซียน เนื่องจากตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทยที่ตั้งอยู่ตรงจุดกึ่งกลางของภูมิภาคและมีชายแดนติดกับประเทศสมาชิกของอาเซียนมากที่สุด โดยกรุงเทพฯมีโอกาสเป็นศูนย์กลางภูมิภาคในหลายด้าน ดังต่อไปนี้

1) ศูนย์กลางด้านการค้าและโลจิสติกส์
     โครงการพัฒนาเพื่อเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม จะช่วยส่งเสริมให้กรุงเทพมหานครกลายเป็นเมืองศูนย์กลางด้านคมนาคมของภูมิภาคอย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น โครงการพัฒนาเส้นทางรถไฟแพนเอเชียจำนวน 3 เส้นทางที่รัฐบาลจีนต้องการผลักดันให้เกิดการเชื่อมโยงระบบรางระหว่างนครคุนหมิงทางตอนใต้ของประเทศจีนกับประเทศต่าง ๆ ในอาเซียน คือ เมียนม่าร์ ลาว และเวียดนามและกัมพูชา ซึ่งเส้นทางรถไฟทั้งสามเส้นนี้จะถูกเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟในประเทศไทย ซึ่งจะทำให้โครงข่ายของระบบรางในอาเซียนมีการเชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์จากเหนือจรดใต้และตะวันออกจรดตะวันตก ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาและต้นทุนการขนส่งภายในภูมิภาค โดยกรุงเทพมหานครจะกลายเป็นศูนย์กลางการขนส่งระบบราง เนื่องจากเป็นเมืองที่เป็นชุมทางของเส้นทางรถไฟในภูมิภาคนี้

     อีกโครงการหนึ่งคือ โครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรมทวาย และการก่อสร้างมอเตอร์เวย์และทางรถไฟเชื่อมโยงระหว่างท่าเรือทวายกับท่าเรือแหลมฉบัง โดยผ่านกาญจนบุรี นครปฐม และกรุงเทพฯ เป็นระยะทางประมาณ 400 กิโลเมตร และมีแผนเชื่อมเส้นทางเข้าไปยังกัมพูชาและเวียดนามในที่สุด เส้นทางนี้จะช่วยย่นระยะทางการขนส่งสินค้า โดยไม่ต้องขนส่งทางเรือผ่านช่องแคบมะละกาเป็นระยะทางประมาณ 3,500 กิโลเมตร กรุงเทพมหานครซึ่งตั้งอยู่ระหว่างท่าเรือน้ำลึกขนาดใหญ่สองแห่งน่าจะได้รับประโยชน์ในแง่ของการเป็นศูนย์กลางของธุรกิจการค้า การขนส่งและศูนย์กระจายสินค้าในภูมิภาค

2) ศูนย์กลางการลงทุนและการจัดตั้งสำนักงาน
     กรุงเทพฯ มีโอกาสเป็นศูนย์กลางด้านการลงทุนและการจัดตั้งสำนักงานของธุรกิจข้ามชาติที่เข้ามาลงทุนเพื่อผลิตสินค้าหรือให้บริการในภูมิภาคนี้ เนื่องจากตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่อยู่กึ่งกลางของภูมิภาค ประกอบกับการที่กรุงเทพมหานครเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเมืองและการปกครองของประเทศ ซึ่งมีการพัฒนาทางเศรษฐกิจ โครงสร้างพื้นฐาน และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มากกว่าเมืองอื่น ๆ ของประเทศเพื่อนบ้าน สถาบันและกฎระเบียบต่าง ๆ มีการพัฒนามากพอสมควร ตลอดจนเป็นแหล่งรวมของแรงงานที่มีฝีมือและบุคลากรระดับสูงเพราะเป็นแหล่งรวมของสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำของประเทศจำนวนมาก และมีผู้ประกอบการและอุตสาหกรรมสนับสนุนที่มีศักยภาพ

3) ศูนย์กลางบริการการท่องเที่ยว
     กรุงเทพฯ มีโอกาสสูงที่จะเป็นศูนย์กลางบริการด้านการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ ด้วยชื่อเสียงที่ติดอันดับต้น ๆ ของการจัดอันดับเมืองน่าท่องเที่ยวหลายปีติดต่อกัน ทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวที่หลากหลาย โดยเฉพาะประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ ต้นทุนการท่องเที่ยวที่ต่ำ และความพร้อมของสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยว ตลอดจนความเป็นศูนย์กลางด้านการคมนาคมในภูมิภาค ทั้งทางบกและทางอากาศ ดังนั้น เมื่อเปิดประชาคมอาเซียนและโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมระหว่างประเทศแล้วเสร็จ นักท่องเที่ยวภายในภูมิภาคอาเซียนจะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในกรุงเทพฯมากขึ้น เพราะกรุงเทพฯเป็นทั้งเป้าหมายของนักท่องเที่ยวและเป็นจุดศูนย์กลางของการเดินทางไปท่องเที่ยวยังทุกประเทศในภูมิภาคนี้

4) ศูนย์กลางบริการด้านสุขภาพและความงาม
     กรุงเทพฯ นับว่ามีศักยภาพเป็นศูนย์กลางบริการทางการแพทย์และความงามของภูมิภาค เนื่องจากกรุงเทพฯมีสถาบันการศึกษาชั้นนำที่สอนด้านการแพทย์หลายแห่ง และเป็นศูนย์รวมของโรงพยาบาลจำนวนมาก ในปัจจุบันโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งประสบความสำเร็จในการให้บริการแก่ชาวต่างชาติ เนื่องจากบริการด้านสุขภาพและความงามของไทยมีมาตรฐานในระดับสากล บุคลากรทางการแพทย์มีความสามารถ  ค่าใช้จ่ายในการให้บริการไม่สูงจนเกินไป และมีบริการทางการแพทย์ที่หลากหลาย

     ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนทำให้เกิดการเปิดเสรีบริการทางการแพทย์ภายในภูมิภาค ซึ่งมีส่วนช่วยสนับสนุนให้ประเทศไทยมีโอกาสเป็นศูนย์กลางบริการทางการแพทย์ได้มากขึ้น โดยเปิดโอกาสให้บุคลากรทางการแพทย์ในประเทศไทยสามารถให้บริการทางการแพทย์ทางไกลแก่ผู้รับบริการที่อยู่ในต่างประเทศได้ เปิดโอกาสให้ประชาชนในต่างประเทศเดินทางเข้ามารับบริการทางการแพทย์ในประเทศไทยได้สะดวกมากขึ้น เปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนหรือถือหุ้นใหญ่ในธุรกิจบริการทางการแพทย์ในประเทศไทย และเปิดโอกาสให้บุคลากรทางการแพทย์จากต่างประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาทำงานในประเทศไทยได้

     จะเห็นได้ว่า กรุงเทพมหานครมีโอกาสสูงในการเป็นเมืองหลวงของอาเซียน แต่ไม่ได้หมายความว่า จะเป็นเรื่องง่ายที่ กทม.จะกลายเป็นศูนย์กลางของอาเซียน เพราะมีอุปสรรคหลายประการที่อาจทำลายโอกาสนี้ ซึ่งผมจะกล่าวถึงในบทความครั้งต่อไป

ศ.ดร. เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์
นักวิชาการอาวุโส ศูนย์ศึกษาธุรกิจและรัฐบาล มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์
kriengsak@kriengsak.comhttp://www.kriengsak.com
แหล่งที่มาของภาพ : http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/620×245/cover/190276.jpg